- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 22 December 2019 13:35
- Hits: 4744
จุรินทร์ มั่นใจ ประเทศมีความหวัง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2020
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมงาน NATION DINNER TALK 'ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2020' ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมกับ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยก่อนหน้านี้เป็นการเปดด้วยปาฐกถา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดยช่วงเสวนานั้น นายจุรินทร์ กล่าวตอบคำ ถาม โดยกล่าวถึงอนาคตเศรษฐกิจ โดยระบุว่ามีตัวเลขของ IMF อยู่ในมือคาดการณ์ว่าปี 62 คือ ปีนี้เศรษฐกิจโลกจะบวก 3% แล้วปีหน้าคาดการณ์ว่าจะบวก 3.4% ปีนี้บวก 3% ก็ถือว่าชะลอตัว แต่ถ้าปีหน้าเกิดบวก 3.4% อย่างที่ IMF ทำนายไว้ก็ไม่เรียกว่าชะลอตัว เศรษฐกิจโตขึ้น สำหรับประเทศไทยปี 62 คาดการณ์ว่าจะบวกร้อยละ 3 ต้องรอดูสิ้นปีนะครับ แต่ว่าปีหน้าคาดการณ์ว่ายังได้ ถือว่าเศรษฐกิจปีหน้าสำหรับประเทศไทยก็ยังมีภาพบวกอยู่นี่คือภาพรวม
ต้องยอมรับความจริงว่าภาวะกดดันทางการค้าภาพรวมทางเศรษฐกิจในระยะเวลาที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อปีนี้ ไม่น้อยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เพราะว่าปีนี้บวก 3 ชะลอตัวกว่าปีก่อนเพราะว่าสงครามการค้าสหรัฐและจีนรวมทั้งประเทศไทยก็มาเจอปัจจัยเสริมพิเศษกว่าหลายประเทศ คือ ค่าเงินบาทแข็งบวกกับอื่นๆ ก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องเหนื่อยหน่อย แต่ว่าภายใต้การทำนายของ IMF ทำให้เรายังมีความหวัง ผมคิดว่ารัฐบาลภายใต้ความร่วมมือของทุกคนในทีมเศรษฐกิจเราจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ผมยังมองในแง่บวก
เพิ่งเข้ามาเป็นรัฐบาลได้สี่เดือนกว่าแต่ว่าสี่เดือนกว่าในรัฐบาลชุดใหม่ เราก็มีนโยบายที่ชัดเจนเฉพาะในส่วนของกระทรวงพาณิชย์หัวใจสำคัญที่ผมต้องรับผิดชอบหลักก็คือเศรษฐกิจฐานรากบางส่วนและในแง่ของการขับเคลื่อนการส่งออกผมคิดว่าปีนี้ เราได้ดำเนินการนโยบายหลายเรื่องที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและประสบความสำเร็จ
ประการที่หนึ่งคือนโยบายเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะในส่วนของเกษตรกรนั้นก็คือนโยบายประกันรายได้เกษตรกบวกกับมาตรการคู่ขนานอื่นๆสำหรับประกันรายได้เกษตรกรนั้นเราประกันรายได้สำหรับพืชการเกษตร 5 ตัวด้วยกัน คือ 1.ข้าว 2.มันสำปะหลัง 3.ยางพารา 4.ปาล์มน้ำมัน และ 5. ข้าวโพด ทั้ง 5 ตัวนี้ภายในระยะเวลาสี่เดือนเศษ เราสามารถดำเนินนโยบายจนกระทั่งประสบความสำเร็จสามารถโอนเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรได้เกือบจะเรียกว่าครบแล้ว ขาดตัวเดียวคือข้าวโพดเพราะจะโอนวันที่ 20 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ถัดจากวันที่ 20 ธันวาคมนี้ ก็แปลว่าเราสามารถโอนเงินส่วนต่างเข้าไปชดเชยรายได้เกษตรกรที่ลดลงมาจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำได้ครบถ้วนหมด แปลว่าภายในสี่เดือนเศษจนถึงสิ้นปีนี้เราสามารถดำเนินนโยบายประกันรายได้ได้ครบถ้วนทั้งพืชเกษตรห้าตัว
บวกกับมาตรการอื่นซึ่งกระทรวงการคลังเข้ามาช่วยเสริมและนโยบายประกันรายได้ด้วยนี่ก็คือสิ่งที่เม็ดเงินลงไปสู่เศรษฐกิจฐานราก ถึงมือเกษตรกรเพราะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงไม่หายหกตกหล่นไปไหน นี่คือสิ่งที่ได้ทำมานอกจากนี้ในเรื่องของการส่งออกแล้ว เราก็ได้มีการดำเนินการหลายเรื่องในช่วงระยะเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมาอย่างน้อยที่สุด
เรื่องการส่งออกผมคิดว่าเราจะบริหารการส่งออกในภาวะปกติไม่ได้ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้าและค่าเงินบาทแข็ง ต้องถือว่าเราจะต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติ ต้องใช้ยาแรงหลายขนานควบคู่กันไป ผ่านมาแล้วจึงเริ่มต้นเป็นครั้งแรกที่จัดให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจับมือร่วมกันไปด้วยกัน
ถัดจากนี้ไปกระทรวงพาณิชย์จะมาเป็นพระเอกไม่ได้ พระเอกตัวจริงคือภาคเอกชนที่จะเป็นทัพหน้าในการเดินตะลุยทำยอดขายทำรายได้เข้าประเทศกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เพียงส่งเสริมสนับสนุนช่วยคลี่คลายแก้ปัญหาให้กับภาคเอกชน เพื่อให้ทำตัวเลขทำยอดขายได้นี่จึงเป็นที่มาของผมดำริให้มีการจัดตั้ง กรอ.พาณิชย์ขึ้น นั่นก็คือให้มีคณะกรรมการที่เป็นทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาครัฐอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชนทั้งสภาอุตสากรรมในส่วนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยทั้งในส่วนของสภาผู้ส่งสินค้าออกทางเรือ สมาคมธนาคารไทย และอื่นๆ จนถึงขั้นตั้งวอรูม เพื่อแก้ปัญหาสงครามการค้าที่คุกคามเราเข้ามาและส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยของเราด้วยนี่ คือสิ่งที่ได้ดำเนินการที่สำคัญที่สุดคือทูตพาณิชย์ต่อไปนี้ทูตพาณิชย์จะทำหน้าที่ในลักษณะของการเจรจาเงื่อนไขทางการค้าอย่างเดียวไม่พอหรือจะทำเรื่องเซลล์โปรโมชั่นส่งเสริมการขายไม่เพียงพอ ต้องลงลึกเรามีสินค้าเกษตรข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด รวมถึงผลไม้
หัวใจสำคัญเหล่านี้ฑูตพาณิชย์ จะต้องทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนประเทศ หิ้วสินค้าเกษตรไปขายยังต่างประเทศด้วยไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเซลล์แมนประเทศและดำเนินการในการที่จะนำภาคเอกชน รวมทั้งภาคราชการไปขายในต่างประเทศแล้วนำยอดขายกลับมาเอาเงินรายได้เข้าประเทศด้วย
การทำงานต้องเป็นรูปธรรม แล้วขายได้เยอะเลยครับ เฉพาะที่ผมนำภาคเอกชนไปในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาทั้งไปจีน ไปอินเดีย ไปตุรกี ไปสหรัฐอเมริกาและไปเยอรมัน เราทำยอดขายได้เฉพาะช่วง 3-4 ทริปนี้ ตกแล้วประมาณ 6 หมื่นล้านบาทโดยประมาณ ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ไปจีนปีที่แล้วเราส่งออกมันสำปะหลังไปจีนทั้งปี 3 ล้านตัน เราไปเที่ยวนี้ครั้งเดียว ขายได้ 2.6 ล้านตัน 18,000 ล้านบาท เรายังต้องทำต่อไปนะครับสำหรับยางพาราไปอินเดียมีแต่คนบอกว่าจะไปทำไมอินเดียจะไปขายได้อย่างไรแต่สุดท้ายเราไปอินเดียเราไปเปิดตลาดได้จริงสามารถขายยางพาราได้ 100,000 ตันได้เงินเข้าประเทศ 9,000 ล้านบาท
โดยมีการทำMOU แต่ MOU นั้นเป็น MOU ที่เป็นรูปธรรมว่าภายในระยะเวลาเท่าไหร่จะต้องส่งมอบเมื่อไหร่อย่างไรนี่คือสิ่งที่เป็น ยอดขายตุรกีใครจะไปคิดว่ายางเราจะขายได้ แต่ผมบอกว่าเราขายได้เพราะให้ทูตพาณิชย์ไปทำการบ้านล่วงหน้าแล้วว่าเอกชนไปสุดท้ายเราขายของได้จริงอย่างน้อยที่สุดหมอนยางพาราที่เป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าสำหรับยางพารา สามารถขายหมอนยางพาราได้ 20 ล้านใบ ที่ตุรกีเป็นของการยาง 10 ล้านใบ และภาคเอกชน 10 ล้านใบรวมแล้ว 12,000 ล้านบาทเพราะตุรกีคือประตูไปสู่ตะวันออกกลาง และเป็นประตูไปสู่ยุโรปด้วย เพราะฉะนั้นการระบายสินค้าจากตุรกี กระจายสินค้ามีความเป็นไปได้ และตัวเลขกลับมาจริง
ในปีหน้าจะต้องเดินหน้าประกันรายได้เกษตรกร ต้องมีมาตรการคู่ขนานในการที่จะช่วยตรึงราคาพืชเกษตรแต่ละตัวให้ดีขึ้น ผลไม้เป็นตัวอย่างอันหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในนโยบายประกันรายได้แต่ใช้ยาขนานอื่นเพราะไม่ได้แปลว่า ประกันรายได้ 5 ตัวนี้แล้วพืชเกษตรตัวอื่นรัฐบาลไม่ดูแล รัฐบาลดูทุกตัวแต่ใช้ยาคนละขนาน ผลไม้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เราประสบความสำเร็จมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถดึงราคาผลไม้ทั้ง มังคุด ลำไย ลองกอง มะม่วง และทุเรียน ให้ราคาพุ่งจนกระทั่งคนไทยเกือบจะกินไม่ได้แล้วตอนนี้เราสามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ และมาตรการที่สำคัญประการหนึ่งที่ไม่ทำให้ราคาผลไม้ตกลงมาก็คือ มาตรการในการที่ผมขอความร่วมมือกับภาคเอกชนและให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับสายการบินต่างๆ นกแอร์ แอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ ไทยสมายล์ ในการที่จะช่วยให้ใครก็ตามที่เป็นผู้โดยสารแล้วหิ้วผลไม้ท้องถิ่นขึ้นเครื่อง สามารถโหลดขึ้นเครื่องฟรีได้ถึง 20 กิโลกรัม ไม่คิดค่าโหลดน้ำหนักเท่ากับประหยัดได้ 500-600 บาท
เพราะฉะนั้นช่วยให้ผลไม้มีช่องทางระบายเพิ่มเติม ปีหน้าเราจะไม่ทำเท่านี้ ผมมอบนโยบายไปแล้วกระทรวงพาณิชย์กำลังดูอยู่ว่าถ้าเป็นปีหน้าจะไม่เฉพาะเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารโหลดผลไม้จากนราธิวาส จากอุตรดิตถ์ จากลำพูนขึ้นเครื่องมากรุงเทพฯ หรือไปจังหวัดไหนก็ได้ โหลดฟรี 20 กิโลกรัม ต่อไปจะให้โหลดขึ้นเครื่องอินเตอร์ไปต่างประเทศด้วยนี่คือสิ่งที่ฑูตพาณิชย์ไปศึกษาแล้วว่าประเทศไหนเค้าอนุญาตให้โหลดขึ้นเครื่องแล้วนำเข้าประเทศได้ผมจะมีคำตอบมาเร็วนี้
เราจะไปจัดเทศกาลผลไม้โดยเฉพาะที่เมืองจีน โดยเฉพาะตลาดผลไม้ดีมาก โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ดาวรุ่งที่คิดไม่ถึง มะพร้าวน้ำหอม ที่เมืองจีนขายดีมากและเป็นที่นิยมเพราะนี่คือดาวรุ่งสำหรับผลไม้ไทยนอกจาก ทุเรียน มะม่วง และลำไย ในตลาดจีนเราจะทำต่อไป
มีมาตรการอื่นๆอีกในเรื่องตลาดเราเตรียมการเรียบร้อยแล้วว่าในปีหน้าเราจะไปกี่ตลาด จะนำภาคเอกชนไปทั้งหมด 16 ทริปและไปบุกตลาด 18 ประเทศ กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าประเทศไหนอย่างไรบ้างและจะไปเดือนไหนอย่างไรอันนี้เพื่อที่จะได้ประสานกับเอกชนในการไปบุกตลาดนี่คือรูปธรรมที่จะเกิดขึ้นในปี 2563 รวมรวมทั้งจะเจาะลึกตลาดรายมณฑล รายรัฐนอกจากในภาพรวมทั้งประเทศ ผมคิดว่าทำได้และยังต้องทำอยู่แต่ว่าต้องลึกเจาะรายมณฑล เจาะลึกรายรัฐ อย่างเช่น อินเดียมีหลายรัฐที่มีศักยภาพในการนำเข้าสินค้าของเรา
ผมได้ไปเจนไนและมุมไบแต่ทริปหน้าจะไปอิสลามมาบัด และบังกาลอร์ นี่คือจุดที่จะไปเจาะลึกหลายตลาด ต่อไปลงลึกมากขึ้น การขายเชิงลึกโดยเฉพาะการที่จะต้องเร่งรัดการทำ FTA ซึ่งปีนี้เราทำ FTA ค้างท่อยังไม่จบกับตุรกี
ปีหน้าตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 63 ต้องจบตุรกีเพราะตุรกีวันนี้ภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยยังสูงอยู่ เช่นข้าวภาษี 45% แป้งมัน 8%ถึง 9% แต่ถ้าเราทำ FTA จบภาษีข้าวเป็นศูนย์ภาษีแป้งมันเป็นศูนย์ เราจะส่งสินค้าเกษตรเพิ่มขีดความสามารถทางการการแข่งขันที่ตุรกีได้เยอะมากเพื่อเป็นประตูสู่ตะวันออกกลาง และประตูสู่ยุโรปนี่คือสิ่งที่เราต้องทำ FTA
สำหรับ เรื่องส่งออกไม่ได้คิดจะไปบุกตลาดแค่ 18 ประเทศแต่เราจะทำเรื่องอื่นควบคู่กันไปด้วยเริ่มต้นการค้าชายแดนอันนี้ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทำและปีนี้ได้ดำเนินการเข้าแก้จากปัญหาอุปสรรคการค้าชายแดนไทยมาเลเซีย และรวมทั้งไทยเมียนมาที่แม่สอดวันนี้เราขับเคลื่อนร่วมกับภาคเอกชน จนสะพานแม่สอดแห่งที่ 2 เปิดได้แล้วเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ช่วยให้สินค้าที่จะไปเมียนมาไหลคล่องตัวขึ้นแทนที่จะติดเป็นกิโลและทำให้รายได้จากการส่งออกเพราะสินค้าข้ามแดนมาหรือข้ามแดนไปชะงักงัน การค้าชายแดนประชุมแก้ปัญหาอุปสรรคที่มุกดาหาร ที่กำลังจะไปทางลาวเสร็จแล้วและหลายพื้นที่ก็มีผลปรากฏเป็นรูปธรรม
เรื่องเล็กๆเช่นการนำเงินบาทออกไปนอกประเทศเกิน 500,000 ไม่ได้ แทนที่เงินจะสะพัด เราก็จะไปช่วยแก้ให้ พูดกับฝ่ายความมั่นคง เช่น ที่กาญจนบุรีไป ตอนนี้ได้สองล้านบาทแล้วครับ ภายในเวลาอันรวดเร็วช่วยให้เงินสะพัดขึ้น การส่งออกตัวเลขก็ดีขึ้นถัดจากนี้ไปปีหน้าผมจะไปแก้ปัญหาที่กัมพูชาที่สระแก้วและต่อไปจะลงลึกในการที่จะดำเนินการเจาะตลาดรายเมืองในส่วนของตลาด CLMV ซึ่งเป็นตลาดใกล้เราอยู่ชายแดนตัวเลขส่งออกจะขึ้นเร็วที่สุด เพราะแค่สินค้าข้ามแดนตัวเลขก็ขึ้น ไม่ต้องขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องลงเรือ ไม่ต้องรอ 5 วัน 10 วัน 20 วัน เราจะทำเมื่อวานซืนได้นั่งคุยกับหอการค้านครพนม ท่านได้เสนอมา ผมรับทันทีสำหรับเวียดนามเป็นตลาดใหญ่เป็นการค้าข้ามแดนก็ประมาณเดียวกันเป็นตลาดใหญ่ใน CLMV เราควรจะไปบุกเที่ยวนี้เราจะจัดโรดโชว์เอาสินค้าระดับชาติและเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นเอาสินค้าท้องถิ่นจากประเทศไทยจากอีสานในการไปบุกตลาดเวียดนามและไม่ใช่ไปแบบภาพรวมไปเจาะทั้งฮานอย ไปทั้งโฮจิมินห์ และไปเจาะที่ดานังสำหรับ กัมพูชาจะไปเจาะพนมเปญและเมืองอื่นนี่คือเป็นแผนงานที่จะทำสำหรับ CLMV เพราะเงินเข้าเร็วที่สุดศักยภาพทางเศรษฐกิจก็ดีอยู่ในปัจจุบันแม้ว่าประเทศยักษ์ใหญ่หลายประเทศชะลอตัวแต่ยังโตได้เนื่องจาก ฐานเล็ก และเงินเยอะ และเรื่องทำอย่างไรให้สินค้าของเราไปขึ้นแพลตฟอร์มดังดังอันนี้ก็เป็นหัวใจสำคัญ
******************************************
กด L Ike - แบ่งปัน เพจเวลา Corehoon-Powerเพื่อติดตามเคล็ดลับข่าวสารเทรนด์และ บทวิเคราะห์ดีๆอัพเดตทุกวันคัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลิกบริจาคเว็บสนับสนุน