- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 09 December 2019 19:44
- Hits: 3822
พาณิชย์ เปิดโพยสินค้าไทย ที่มีโอกาสส่งออกเจาะตลาดเวียดนามและเมียนมา
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ต่อยอดศึกษาบทวิเคราะห์ของสหรัฐฯ ที่แนะโอกาสผู้ประกอบการของตนเองส่งออกสินค้าเจาะตลาดเวียดนามและเมียนมา พบในทางกลับกัน มีสินค้าไทยที่มีโอกาสเจาะทั้ง 2 ตลาดได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ชี้เวียดนามมีสินค้าดาวเด่นที่ไทยควรผลักดันรวม 4 สินค้า และเมียนมา 2 สินค้า
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการศึกษาบทวิเคราะห์เรื่อง สินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตในตลาดเวียดนาม เมียนมาและไทย ที่จัดทำโดยกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พบว่า ตลาดเวียดนามและเมียนมา เป็นตลาดสินค้าเกษตรที่ไทยควรรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด และเร่งขยายการส่งออกโดยใช้โอกาสจากการเติบโตของตลาดสินค้าเกษตรในประเทศดังกล่าว โดยตลาดเวียดนามมีสินค้าไทยที่ควรส่งเสริมและเร่งรัดการส่งออกรวม 4 สินค้า และเมียนมารวม 2 สินค้า เพราะเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น
สำหรับ สินค้าที่มีโอกาสในเวียดนาม 4 สินค้า ได้แก่ 1.ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น แต่ต้องให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และบรรจุภัณฑ์ 2.อาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่ม โดยสินค้าที่มีโอกาส เช่น ซอสและของปรุงแต่ง และอาหารปรุงแต่ง เครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มอัดลมและแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ที่เติบโตสูงตามการท่องเที่ยว 3.ไม้เนื้อแข็งและไม้แปรรูป เช่น ไฟเบอร์บอร์ด และไม้ยางพาราที่นำไปทำเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และ 4 สิ่งทอ ที่เวียดนามยังต้องพึ่งพาวัตถุดิบ ซึ่งไทยมีโอกาสส่งออกสินค้ากลุ่มวัตถุดิบสิ่งทอได้เพิ่มขึ้น
ส่วนเมียนมา สินค้าที่ไทยควรเร่งรัดผลักดันส่งออก 2 สินค้า ได้แก่ 1.อาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่ม สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ อาหารปรุงแต่ง ซอสและของปรุงแต่ง ชาและกาแฟ โดยเฉพาะน้ำผัก น้ำผลไม้ น้ำแร่และน้ำอัดลม จะได้รับความนิยม ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีแนวโน้มเติบโต รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลัง และ 2.อาหารสัตว์ ที่มีโอกาสจากการที่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ในเมียนมากำลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้วิเคราะห์ว่า สินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตในตลาดเวียดนาม ได้แก่ 1.นมและผลิตภัณฑ์ 2.ไม้เนื้อแข็ง 3.เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ 4.ฝ้าย และ 5.อาหารปรุงแต่ง ตลาดเมียนมา ได้แก่ 1.อาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่มอื่นๆ 2.ผลไม้สด และ 3.ข้าวโพด สำหรับตลาดไทย ได้แก่ 1.นมและผลิตภัณฑ์ 2.สินค้าขั้นกลาง (intermediate products) ได้แก่ โปรตีนเข้มข้น (protein concentrates) และแป้งอัดเม็ด (flour pellets) และ 3.ถั่วเปลือกแข็ง
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web