- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 07 December 2019 20:27
- Hits: 8610
วีรศักดิ์ หนุนใช้เวทีเจทีซีเพิ่มค้าขาย เป้า 10 ประเทศ พร้อมลุยช่วยเกษตรกรใช้ประโยชน์เอฟทีเอ
วีรศักดิ์ มอบนโยบายกรมเจรจาฯ ใช้เวทีการประชุมเจทีซี 2 ฝ่ายกับคู่ค้า แก้ปัญหาและเพิ่มความร่วมมือทางการค้า เผยปี 63 มีเป้าหมาย 10 ประเทศ พร้อมให้เร่งปิดดีลเอฟทีเอที่ค้างอยู่ เปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ รวมถึงเตรียมเข้าร่วม CPTPP ย้ำต้องเพิ่มการลงพื้นที่ให้ความรู้ แนะโอกาสใช้เอฟทีเอส่งออกให้กับเกษตรกร ยันจะนำทีมด้วยตนเอง ส่วนการตั้งกองทุนดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอ คณะทำงานถกนัดแรก 20 ธ.ค.นี้
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยมกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2562 ว่า ได้มอบนโยบายให้กรมเจรจาฯ เร่งรัดจัดทำความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทย ทั้งผ่านการจัดประชุมคณะกรรมร่วมทางการค้า (เจทีซี) การเร่งหาข้อสรุปการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ยังค้างอยู่ และเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ โดยให้ดำเนินการคู่ขนานไปกับการลงพื้นที่สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ เรื่องความตกลงเอฟทีเอ และการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ
“การประชุมเจทีซี ปกติจะจัดขึ้นปีละครั้ง โดยแต่ละประเทศจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ จึงถือเป็นเวทีที่ไทยจะได้หารือความร่วมมือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้ากับประเทศคู่ค้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2563 ไทยมีแผนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจทีซีระดับรัฐมนตรีกับประเทศคู่ค้าหลายประเทศ เช่น สปป.ลาว บังคลาเทศ เมียนมา เวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้งมีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมเจทีซีที่ประเทศคู่ค้าจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เช่น มัลดีฟส์ เกาหลีใต้ รัสเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น”
ส่วนการเจรจาเอฟทีเอ ขอให้เร่งรัดดำเนินการตามแผนที่ตั้งไว้ และเร่งหาข้อสรุปการเจรจาเอฟทีเอกับตุรกี ศรีลังกา ปากีสถานที่ยังค้างอยู่ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น ไทย-สหภาพยุโรป (อีย) ไทย-สหราชอาณาจักร (ยูเค) ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (เอฟต้า) และความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าและบริการของไทย
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ยังได้มอบหมายให้สร้างโอกาสและใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอให้กับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อผลักดันสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และสินค้าจากเอสเอมอีสู่ตลาดโลก ซึ่งตนจะร่วมลงพื้นที่พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่นด้วย โดยในเดือนธ.ค.2562 จะนำคณะลงพื้นที่พบปะเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนที่เลี้ยงโคขุนสมุนไพรดอนมดแดง รวมทั้งเยี่ยมชมศักยภาพการค้าของจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี และพบปะเกษตรกรผู้ผลิตข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนในปี 2563 มีแผนที่จะร่วมลงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เช่น นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ ตาก ชัยภูมิ ระยอง ตราด สงขลา และกระบี่ เป็นต้น
“ทุกวันนี้ เอฟทีเอช่วยผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยออกสู่ตลาดโลกได้เป็นจำนวนมาก อย่างตลาดจีน ส่งออกได้เพิ่มขึ้นมาก ทั้งทุเรียน มันสำปะหลัง ประเทศอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นหมด จึงต้องไปสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอให้ได้เพิ่มขึ้น ส่วนอะไรที่ยังเป็นอุปสรรค หรือบางประเทศยังไม่ลดภาษีให้กับไทย ก็ต้องไปเจรจาแก้ไข หรือเจรจาให้ลดภาษีลงมา อย่างข้าว มันสำปะหลังและยางพารา ผมขอให้เน้นเป็นพิเศษ”นายวีรศักดิ์กล่าว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การรับมือการเปิดเสรีทางการค้า ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาการจัดตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอแล้ว มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน โดยจะมีการประชุมครั้งแรกวันที่ 20 ธ.ค.2562 เพื่อพิจารณาว่าที่ผ่านมา การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ดำเนินการอย่างไร และกองทุนที่จะตั้งขึ้น จะดำเนินการอย่างไร มีเป้าหมายเพื่อให้มีกองทุนถาวรที่จะใช้ดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี
******************************************
กด L Ike - แบ่งปัน เพจเวลา Corehoon-Powerเพื่อติดตามเคล็ดลับข่าวสารเทรนด์และ บทวิเคราะห์ดีๆอัพเดตทุกวันคัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลิกบริจาคเว็บสนับสนุน