- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 07 December 2019 19:16
- Hits: 3170
พาณิชย์ ลุยถอดบัญชีแนบท้ายกฎหมายต่างด้าวเพิ่ม อำนวยความสะดวกต่างชาติทำธุรกิจ
พาณิชย์ เดินหน้าอำนวยความสะดวกคนต่างด้าวทำธุรกิจในไทย ถกบีโอไอปรับธุรกิจออกจากบัญชีแนบท้ายพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มเติม เน้นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หลังล่าสุดปรับออกแล้ว 45 ธุรกิจ กำลังจะเอาออกอีก 4 ธุรกิจ มั่นใจทำให้การเข้ามาประกอบธุรกิจง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ยันต่างชาติยังสนใจเข้ามาทำธุรกิจในไทยเพิ่ม แต่ที่ขออนุญาตลด เหตุไปขอกับหน่วยงานอื่นหลังปลดล็อก และขอผ่านบีโอไอ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทยให้กับคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อพิจารณาปรับธุรกิจออกจากบัญชีแนบท้ายพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เพิ่มเติม โดยขณะกำลังรอข้อมูลจากบีโอไออยู่ แต่หลักๆ จะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่
ทั้งนี้ ปัจจุบันได้มีการปรับธุรกิจออกจากบัญชีแนบท้ายแล้ว 45 ธุรกิจ และกำลังจะปรับออกเพิ่มอีก 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจบริการโทรคมนาคม สำหรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 1 ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม , ธุรกิจศูนย์บริหารเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน , ธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยานตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ สำหรับใบรับรองหน่วยซ่อม ประเภทที่ 2 สำหรับบำรุงรักษาส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน และใบรับรองหน่วยซ่อมประเภทที่ 3 สำหรับบำรุงรักษาบริภัณฑ์และชิ้นส่วนของอากาศยาน และธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง
“การปรับธุรกิจออกจากบัญชีแนบท้าย ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่ต้องมาขออนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจกับกรมฯ อีก ซึ่งเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในแพกเกจเร่งรัดการลงทุนและรองรับการย้ายฐานการผลิตจากผลกระทบของสงครามการค้า โดยธุรกิจที่ปรับออก ส่วนใหญ่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว เช่น ธนาคาร ประกันภัย ก็ให้ไปขออนุญาตที่หน่วยงานตรงเลย หรืออย่างธุรกิจที่ไม่กระทบคนไทย เช่น การตั้งสำนักงานผู้แทน ก็ไม่ต้องมาขอ เป็นต้น และจากนี้ไป กรมฯ จะมีการทบทวนบัญชีแนบท้ายถี่ขึ้น แทนที่จะทบทวนปีละ 1 ครั้งตามที่กฎหมายระบุไว้ เพราะต้องการปรับให้สอดคล้องกับการดึงดูดการลงทุน และการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของคนต่างด้าว”นายพูนพงษ์กล่าว
นอกจากนี้ กรมฯ ยังจะทำการเชื่อมโยงข้อมูลกับบีโอไอ โดยหากคนต่างชาติได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว ตามกฎหมายต้องมาขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจกับกรมฯ อีก โดยกรมฯ ต้องออกหนังสือรับรองให้ภายใน 30 วัน ซึ่งจะดำเนินการให้เหลือแค่ 1 วัน เพราะเมื่อมีการเชื่อมโยงข้อมูลกันแล้ว เมื่อได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน ก็จะเชื่อมข้อมูลมายังกรมฯ ทันที จากนั้นเมื่อมีการชำระเงินค่าธรรมเนียมผ่านระบบอีเพย์เมนต์ กรมฯ ก็จะส่งหนังสือรับรองกลับไปได้ทันที
นายพูนพงษ์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การลงทุนของคนต่างด้าวในไทย ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างชาติยังสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยการเข้ามาลงทุน จะดูแค่การขออนุญาตประกอบธุรกิจจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูผ่านช่องทางการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอด้วย เพราะนักลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว ไม่ต้องมาขออนุญาตการประกอบธุรกิจตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอีก และยังมีการขออนุญาตผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอีกด้วย
“การขออนุญาตประกอบธุรกิจผ่านคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในช่วง 11 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวน 193 ราย ลดลง 23% แต่มูลค่าเงินลงทุน 22,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% ซึ่งจำนวนที่ลดลง ไม่ได้หมายความว่าคนต่างชาติเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในไทยลดลง แต่เป็นเพราะกรมฯ ได้ถอนบัญชีธุรกิจที่ไม่ต้องมาขออนุญาตออกไปเป็นจำนวนมาก ทำให้คนต่างด้าวไปขออนุญาตทำธุรกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแทน รวมถึงมีการขออนุญาตผ่านบีโอไอ ซึ่งตัวเลข 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) มีจำนวน 1,165 โครงการ มูลค่า 314,130 ล้านบาท”นายพูนพงษ์กล่าว
******************************************
กด L Ike - แบ่งปัน เพจเวลา Corehoon-Powerเพื่อติดตามเคล็ดลับข่าวสารเทรนด์และ บทวิเคราะห์ดีๆอัพเดตทุกวันคัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลิกบริจาคเว็บสนับสนุน