WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaa ลลิดา จิวะนันทประวัติ

พาณิชย์ ลงพื้นที่ภาคอีสาน...ส่งเสริมผ้าไหมไทยต่อเนื่อง มุ่งหน้า...สกลนคร - กาฬสินธุ์ เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง

     กระทรวงพาณิชย์ สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แคมเปญ ‘เส้นทางสายไหม...สู่เมืองรอง’ มุ่งหน้าจังหวัดสกลนคร - กาฬสินธุ์ เล่าเรื่องราววัฒนธรรมผ้าไหมท้องถิ่นอีสานและการท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจใช้ผ้าไหมไทย ...สื่อสารให้เกิดมุมมองใหม่ ผ้าไทยสามารถแต่งกายให้ดูร่วมสมัยและสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน พร้อมกระตุ้นแนวคิดผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ส่งเสริมลูกหลานในชุมชนแหล่งผลิตหันมาสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นการผลิตผ้าไหมไทยมากขึ้น

   นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรอง โครงการยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสู่แหล่งท่องเที่ยว ภายใต้แคมเปญ ‘เส้นทางสายไหม...สู่เมืองรอง’ โดยเน้นสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยเชื่อมโยงต่อยอดสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ กระตุ้นให้เกิดการบริโภคและซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหม สินค้า และบริการในเมืองรองมากขึ้น โดยการจัดกิจกรรมฯ ครั้งนี้ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายไหมสู่เมืองรอง เส้นทางที่ 2 โดยจะเดินทางไป ณ จังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ เพื่อเชื่อมโยงผ้าไหมประจำถิ่นกับการท่องเที่ยวของทั้ง 2 จังหวัดเข้าด้วยกัน"

       "การลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤศจิกายน 2562 ครั้งนี้ ได้นำคณะสื่อมวลชน รวมถึง บล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ร่วมลงพื้นที่ฯ เพื่อสัมผัสวิถีชุมชนและวัฒนธรรมผ้าไหมในแต่ละท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมถ่ายทอดความประทับใจที่ได้พบเห็น สร้างแรงจูงใจให้สาธารณชนหันมาตระหนักถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ซึ่งจะเป็นสิ่งช่วยกระตุ้นการตัดสินใจเลือกซื้อ/เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม รวมถึง สินค้า และบริการต่างๆ ในจังหวัดเมืองรองมากขึ้น ทั้งนี้ มุ่งหวังสร้างความก้าวหน้าให้แก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง"

     รองอธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจนำผ้าไหมไทยมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น มีการสื่อสารให้เกิดมุมมองใหม่ว่าผ้าไทยสามารถแต่งกายให้ดูร่วมสมัยได้ รวมทั้ง กระตุ้นแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค และส่งเสริมลูกหลานในชุมชนแหล่งผลิตหันมาสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นการผลิตผ้าไหมไทยมากขึ้น นอกจากนี้ ต้องมีการนำเรื่องราวของสินค้ามาถ่ายทอดเพื่อดึงดูดความสนใจ โดยเฉพาะตลาดวัยรุ่นที่ต้องการสินค้าที่มีความทันสมัยและร่วมสมัย ผู้ผลิตจึงควรพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคกลุ่มนี้ ปัจจุบันสินค้าไลฟ์สไตล์มีหลากหลายประเภท ผู้ผลิตสามารถผลิตและดัดแปลงสินค้าจากผ้าไหมให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ผ้าผืน สามารถนำมาตัดเย็บให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมใช้งาน เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้นเช่นเดียวกัน"

      "สำหรับ เส้นทางสายไหมสู่เมืองรองจังหวัดสกลนคร เริ่มต้น...เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ‘วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร’ ปูชนียสถานและศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวสกลนคร และ ‘วัดถ้ำผาแด่น’ วัดเก่าแก่ที่ตั้งเด่นตระหง่านบนแนวเทือกเขาภูพาน โดยสามารถชมได้ทั้งทิวทัศน์ธรรมชาติแบบอันซีนของจังหวัด พร้อมความงดงามของงานแกะสลักบนหน้าผาหินอันวิจิตรศิลป์ และที่พลาดไม่ได้ คือ ได้เดินทางไปสัมผัสแหล่งผ้าไหมท้องถิ่นขึ้นชื่อของสกลนคร จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ กลุ่มผ้าไหมย้อมคราม อ.โคกศรีสุพรรณ เป็นแหล่งผลิตที่จะได้ชมทั้งกระบวนการทอผ้า สาวไหม และย้อมคราม *ร้านครามสกล อ.เมือง งานคราฟสวยๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่สกลนครเป็นอย่างมาก ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเรียนรู้และทดลองทำผ้ามัดย้อมได้ด้วยตนเอง รวมถึง เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแท้ๆ เป็นของฝากกลับบ้านได้อีกด้วย"

     "เส้นทางสายไหมสู่เมืองรองจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" หรือ "ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ่มข้าว" ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวไดโนเสาร์แบบครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกของประเทศไทย หลังจากนั้นเดินทางไปเรียนรู้เรื่องราวของผลิตภัณฑ์ผ้าไหม 2 แห่ง ณ อ.คำม่วง ได้แก่ *กลุ่มทอผ้าบ้านหนองยางคำ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งผลิตผ้าไหมพื้นบ้านที่สวยงาม มีกระบวนการทอผ้าและย้อมสี โดยขั้นตอนการทอและย้อมจะนำเส้นไหมแช่น้ำให้อิ่มตัว นำลงไปใน ‘น้ำครั่ง’ ที่ได้จาก ‘แซงมะพร้าว’แล้วนำกลับมาล้างให้สะอาด หลังจากนั้น นำมาย้อมด้วยสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ เช่น สีแดงอมชมพูจากแก่นฝาง สีเหลืองจากดอกคูณ ฯลฯ เป็นต้น รวมถึง มีผลิตภัณฑ์ผ้าไหมราคาย่อมเยาจำหน่ายด้วย และ *กลุ่มอาชีพสตรีผ้าไหมมัดหมี่บ้านสูงเนิน เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมมัดหมี่ที่มีชื่อเสียง (ผ้าไหมมัดหมี่ภูไท) โดยมีการสาธิตการปลูกหม่อน-เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมผ้า รวมถึงขั้นตอน การมัดหมี่ และแต้มสี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวกาฬสินธุ์เป็นอย่างมาก"

    "ทั้งนี้ แหล่งผลิตเส้นไหมและผลิตภัณฑ์จากไหมที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในประเทศไทยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี มหาสารคาม หนองคาย ขอนแก่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ สกลนคร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และ ชัยภูมิ ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานขนาดใหญ่ผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 10 โรง มีการประกอบธุรกิจแบบครบวงจรตั้งแต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การผลิตเส้นไหม การทอผ้าไหม การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล รวมทั้ง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนมากขึ้นด้วยเช่นกัน" รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย 

กรมพัฒน์ฯ สำรวจเส้นทางสายไหมสกลนคร-กาฬสินธุ์ บูมแหล่งผลิตเชื่อมการท่องเที่ยว

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้าประชาสัมพันธ์แคมเปญ ‘เส้นทางสายไหม สู่เมืองรอง’ เส้นทางที่ 2 รอบนี้ลงพื้นที่จังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ พบจุดเด่นสามารถเชื่อมโยงแหล่งผลิตผ้าไหมกับการท่องเที่ยวได้ เผยที่สกลนครมีวัดสำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่วนกาฬสินธุ์มีศูนย์ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์

       นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้แคมเปญ “เส้นทางสายไหม สู่เมืองรอง” โดยเน้นสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย แหล่งผลิตผ้าไหมไทย และทำการเชื่อมโยงต่อยอดสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคและซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหม สินค้าและบริการในเมืองรองมากขึ้น ซึ่งรอบนี้ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายไหมสู่เมืองรอง เส้นทางที่ 2 โดยได้เดินทางไปจังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ เพื่อเชื่อมโยงผ้าไหมประจำถิ่นกับการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน

      โดยที่จังหวัดสกลนคร มีแหล่งผลิตผ้าไหมท้องถิ่นขึ้นชื่อ คือ กลุ่มผ้าไหมย้อมคราม อ.โคกศรีสุพรรณ เป็นแหล่งผลิตที่จะได้ชมทั้งกระบวนการทอผ้า สาวไหม และย้อมคราม ร้านครามสกล อ.เมือง เป็นแหล่งงานคราฟที่สวยงาม ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเรียนรู้และทดลองทำผ้ามัดย้อมได้ด้วยตนเอง รวมถึงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแท้ๆ เป็นของฝากกลับบ้าน และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปูชนียสถานและศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวสกลนคร และวัดถ้ำผาแด่น วัดเก่าแก่ที่ตั้งเด่นตระหง่านบนแนวเทือกเขาภูพาน โดยสามารถชมได้ทั้งทิวทัศน์ธรรมชาติแบบอันซีนของจังหวัด พร้อมความงดงามของงานแกะสลักบนหน้าผาหินอันวิจิตรศิลป์

       ส่วนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีแหล่งผลิตผ้าไหม 2 แห่ง ที่อ.คำม่วง คือ กลุ่มทอผ้าบ้านหนองยางคำ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งผลิตผ้าไหมพื้นบ้านที่สวยงาม มีกระบวนการทอผ้าและย้อมสี โดยขั้นตอนการทอและย้อมจะนำเส้นไหมแช่น้ำให้อิ่มตัว นำลงไปในน้ำครั่งที่ได้จากแซงมะพร้าว แล้วนำกลับมาล้างให้สะอาด หลังจากนั้น นำมาย้อมด้วยสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ เช่น สีแดงอมชมพูจากแก่นฝาง สีเหลืองจากดอกคูณ เป็นต้น รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ผ้าไหมราคาย่อมเยาจำหน่ายด้วย และกลุ่มอาชีพสตรีผ้าไหมมัดหมี่บ้านสูงเนิน เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมมัดหมี่ที่มีชื่อเสียง (ผ้าไหมมัดหมี่ภูไท) โดยมีการสาธิตการปลูกหม่อน-เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมผ้า รวมถึงขั้นตอน การมัดหมี่ และแต้มสี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวกาฬสินธุ์เป็นอย่างมาก โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ คือ พิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ่มข้าว ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวไดโนเสาร์แบบครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกของประเทศไทย

       “การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้นำสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ไปดูแหล่งผลิตผ้าไหมในแต่ละชุมชนอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยถ่ายทอดความประทับใจที่ได้พบเห็น และเป็นการกระตุ้นให้คนเห็นถึงคุณค่าของผ้าไหม กระตุ้นให้อยากมาเที่ยวชมถึงแหล่งผลิต กระตุ้นการซื้อผ้าไหม ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในระดับฐานรากขยายตัว และยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด เพราะมาแล้วจะได้ดูทั้งแหล่งผลิต และท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ไปพร้อมกัน”นางลลิดากล่าว

      ก่อนหน้านี้ ได้มีการลงพื้นที่เส้นทางที่ 1 นครราชสีมา (อ.ปักธงชัย) บุรีรัมย์ สุรินทร์ ไปแล้ว และล่าสุดได้ลงพื้นที่เส้นทางที่ 2 คือ สกลนคร และกาฬสินธุ์ ส่วนเส้นทางที่ 3 อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย เส้นทางที่ 4 พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี เส้นทางที่ 5 สุพรรณบุรี ชัยนาท และเส้นทางที่ 6 น่าน อุตรดิตถ์ แพร่ กำลังจะลงพื้นที่ในระยะต่อไป โดยทุกจังหวัดที่เป็นเส้นทางสายไหม มีเมืองรองที่มีผ้าไหมเฉพาะถิ่นที่มีความสวยงาม ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

ais 790x90GC 790x90

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!