- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 20 November 2019 18:49
- Hits: 7041
จุรินทร์ เน้น บุกทุกตลาดส่งออก จัด176 บริษัทเจรจาธุรกิจวันนี้ ย้ำทั้งพบต่างประเทศและในประเทศ ภาวะนี้ต้องใช้ทักษะการบริหารจัดการ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า กิจกรรมในวันนี้ (งานการจับคู่ธุรกิจ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์) เป็นกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเร่งรัดการส่งออกของประเทศนอกเหนือจากกิจกรรมในการที่ผมและกระทรวงพาณิชย์ได้นำภาคเอกชนไปเปิดตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยลำดับตั้งแต่ในส่วนของการเปิดตลาดในจีน ในอินเดีย และตุรกี เยอรมัน ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันสองวันที่ผ่านมา
รวมทั้งจะมีการเตรียม การในการเปิดตลาดในต่างประเทศอีก 10 กลุ่มตลาดทั่วโลกแล้ว วันนี้ที่กำลังที่จะเพิ่มการส่งออก คือ กิจกรรมในการที่ตนได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เชิญผู้ส่งออกของเราซึ่งมีทั้งสิ้น 190 บริษัท และเชิญผู้นำเข้าจากหลายประเทศในโลกประกอบด้วยทั้งในส่วนของประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่นเกาหลีใต้ ประเทศกลุ่มอาเซียนตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกาและแอฟริกา จำนวน 176 บริษัท
ทั้งนี้ เพื่อพบปะและทำการซื้อขายระหว่างกันเพิ่มการส่งออกให้กับประเทศซึ่งมีกลุ่มการส่งออกของเราทั้งหมด 5 กลุ่มบริษัท ประกอบด้วยข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้แปรรูป และกลุ่มพลาสติกชีวภาพ ผลของการดำเนินการเบื้องต้นในวันนี้สามารถที่จะคาดการณ์ผลทั้งหมดได้ว่าประกอบด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่หนึ่ง คือ วันนี้ได้มีการลงนาม MOU 14 ฉบับ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นข้าว 145,000 ตันมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ผลไม้แปรรูป ประกอบด้วยมะขามหวานอยู่ด้วย 520 ตู้ และการลงนามร่วมกันในการที่ทำการค้าออนไลน์ใหญ่ของอินเดีย ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มย้ำสำหรับการค้าขายของอินเดียซึ่งมีลูกค้าอยู่ 12 ล้านคนทั่วประเทศ และมีโกดังอยู่ 26 โกดังอันนี้เป็นแหล่งระบายสินค้าให้กับสินค้าไทยในอินเดียด้วย คาดการณ์ว่าจะสามารถทำตัวเลขได้เริ่มต้น 150 ล้านบาทภายในสองปี การลงนามเอ็มโออยู่ 14 ฉบับมี 3 หมวดใหญ่ ข้าว ผลไม้แปรรูป และการค้าออนไลน์กับอินเดีย
ส่วนการเจรจาซื้อขายวันนี้ในห้องที่ผู้สื่อข่าวได้เห็น เมื่อสักครู่คาดการณ์ว่าจะเกิดสัญญาซื้อขายเพิ่มตัวเลขการส่งออกได้ประมาณ 2,840 ล้านบาท รวมตัวเลขที่ทำ MOU 14 ฉบับอีก 4,160 ล้านบาท รวมแล้วเฉพาะกิจกรรมนี้คาดการณ์ว่าจะสามารถนำเงินเข้าประเทศไทยประมาณ 7,000 ล้านบาทด้วยกันตัวเลขใหญ่สุดก็คือข้าว 145,000 ตัน มูลค่า 4,000 ล้านบาท
ส่วนสำหรับ ปีหน้ากระทรวงพาณิชย์ก็จะเดินหน้าทำตัวเลขส่งออกต่อไปโดยจะเน้นจัดกิจกรรมระหว่างผู้ส่งออกพบผู้นำเข้าในประเทศเช่นเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์แต่ครั้งหน้าจะเน้นเรื่องผลไม้สดเพราะเป็นช่วงที่ผลไม้ประเทศไทยออกมาก จะให้เชิญลูกค้าจากหลายประเทศในโลก มาซื้อผลไม้สดของเราที่จะไปทำตลาดในต่างประเทศนอกจากนั้น ผลไม้สดตลาดสำคัญก็คือ จีน จะมีการในการดำเนินงานที่จะผู้นำเข้าสามารถที่จะนำเข้าผลไม้สดไปในมณฑลต่างๆหลายมณฑลในประเทศจีนรวมทั้งตลาดอื่นๆด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป้าหมายต่อไปคือกลุ่มประเทศใด นายจุรินทร์ กล่าวว่า กลุ่มต่อไปที่เตรียมการไว้ก็คือกลุ่มตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้ และยังมีอีกหลายกลุ่มที่ได้มีการเตรียมการ เช่น รัสเซียเหล่านี้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามอินเดียถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพคนรวยเยอะมาก คนรวยอินเดียมากกว่าจำนวนประชากรของไทยทั้งประเทศ แม้ว่าเขามีคนที่ยากจนมีรายได้น้อยอยู่จำนวนมากก็ตามเพราะคนของเขามีเป็น 1,000 ล้านคน เพราะฉะนั้นอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพหรือเป็นตลาดใหม่สำหรับประเทศไทยที่ต้องมีนโยบาย และจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้นำคณะภาคเอกชนกับกระทรวงพาณิชย์ไปรอบหนึ่งแล้วที่เจนไนกับมุมไบ ผลก็ปรากฏเป็นที่น่าพอใจสามารถนำรายได้เข้าประเทศเฉพาะอินเดียคราวที่แล้วยางและผลิตภัณฑ์ยางพาราสามารถนำรายได้เข้าประเทศได้ 9,000 ล้าบาท และยังมีสินค้าตัวอื่นรวมแล้วที่อินเดีย 12,000 ล้านบาท
" และ SME กับ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์แปรรูปต่างๆ รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรก็เป็นเป้าหมายหลักที่ตนต้องการมุ่งเน้นให้สามารถมีโอกาสส่งออกไปต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้นด้วย และเมื่อวานซืนที่ไปที่ตุรกีได้พาการยางแห่งประเทศไทยร่วมด้วยและสามารถขายหมอนยางพาราเฉพาะการยาง 10 ล้านใบซึ่ง 10 ล้านใบที่ว่านี้การยางก็จะนำมาแจกจ่ายให้กับสหกรณ์และ SME ต่างๆ สหกรณ์การเกษตรช่วยผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพของการยางแห่งประเทศไทย และส่งออกไป การจัด Business Matching วันนี้เมื่อสักครู่ก็เห็นว่าหมวดข้าว หมวดยางพารา ก็มีสหกรณ์การเกษตร และกลุ่มเกษตรกร มาเปิดโต๊ะเจรจากับผู้นำเข้าต่างประเทศด้วยซึ่งหลายรายก็ประสบความสำเร็จมีตัวเลขแล้วรวมอยู่ในงาน 2,800 กว่าล้านที่เราคาดการณ์คือ จะช่วยให้กลุ่ม SME เกษตรกร สถาบันการเกษตร สามารถส่งออกได้อย่างเป็นรูปธรรมภายใต้การส่งเสริมของกระทรวงพาณิชย์" นายจุรินทร์ กล่าว
สำหรับ คำถามเรื่องสงครามการค้า นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจของเราที่จะไปบังคับได้เป็นเรื่องของสหรัฐฯกับจีน ผลกระทบกระทบกระเทือนไปทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทยของเราได้รับผลกระทบมากพอสมควรเพราะฉะนั้นทางออกก็คือเราต้องบริหารจัดการการค้าและการส่งออกของประเทศใหม่ จะบริหารไปในลักษณะปกติไม่ได้แต่ต้องใช้ระบบบริหารจัดการซึ่งตนจะเร่งรัดนอกจากทำหน้าที่หัวหน้าเซลล์แมนประเทศที่จะนำคณะกระทรวงพาณิชย์และเอกชนไปเปิดตลาดในต่างประเทศแล้วยังเชิญผู้นำเข้าต่างประเทศมาพบกับผู้ส่งออกของเราในประเทศด้วย
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web