- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 07 October 2014 00:01
- Hits: 2516
ลุ้นไทยส่งออกข้าว 11 ล้านตันชง นบข.ระบายมันสำปะหลัง-ข้าวโพดค้างสต๊อก
บ้านเมือง : นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยในปีนี้มีความเป็นไปได้จะอยู่ที่ 11 ล้านตันได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้พูดในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกันยายน ไทยส่งออกข้าวแล้ว 7.5 ล้านตัน และน่าจะทวงแชมป์ส่งออกข้าวไทยจากอินเดียได้ ที่ปัจจุบันส่งออกข้าวได้เพียง 6.4 ล้านตัน ส่วนเวียดนาม 5.3 ล้านตัน ขณะที่ราคาข้าวยังอยู่ในระดับทรงๆ ซึ่งหากรัฐบาลต้องการระบายข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากอาจมีผลกระทบกับราคาข้าวได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ส่งออกข้าวในปีหน้าของไทย ยังถือว่ามีความสดใส รัฐบาลไม่มีนโยบายประชานิยมเกี่ยวกับข้าว มีเพียงมาตรการช่วยเหลือต้นทุนชาวนา แต่ทั้งนี้ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะจากที่คาดการณ์ว่าอินเดียจะมีผลผลิตข้าวในปริมาณที่น้อย ซึ่งมีผลกระทบพายุเอลนีโญนั้น แต่ปรากฏระดับการเกิดพบว่าอยู่ระดับอ่อน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าว (นบข.) วันที่ 6 ตุลาคม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประเด็นหลักที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมขอมติ คือการยกเลิกมาตรการห้ามขนย้ายข้าวสารและสินค้าเกษตรที่ใช้ในช่วงโครงการรับจำนำ เพราะลดปัญหาการค้าปกติให้คล่องตัวขึ้น และเร่งรัดองค์การคลังสินค้า (อคส.) คืนเงินค้ำประกันข้าวคงค้างให้กับผู้ประกอบการ และขออนุมัติระบายมันสำปะหลังและข้าวโพดค้างสต๊อก เพื่อลดภาระค่าจัดเก็บและสินค้าเสื่อมสภาพหมดแล้ว
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันการแอบอ้างหลอกลวงประชาชนลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยแฝงรูปแบบธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง กรมฯ จึงออกคำสั่งให้ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีความประสงค์จะดำเนินธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง ต้องแสดงต้นฉบับบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน รวมถึงเอกสารแสดงฐานะทางการเงินที่ธนาคารออกให้ของหุ้นส่วนและผู้ถือหุ้นทุกคนต่อนายทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่ามีการร่วมลงทุนในการประกอบธุรกิจจริง นอกจากนี้ ต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่จากเจ้าของอาคารที่จะใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ หากขาดเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งจะพิจารณาไม่รับคำร้องขอจดทะเบียนอย่างเด็ดขาด
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวว่า หลังจากจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ต้องนำหลักฐานที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกให้ไปขออนุญาตดำเนินกิจการขายตรงและการตลาดแบบตรงจากหน่วยงานที่กำกับดูแลรับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะสามารถดำเนินกิจการดังกล่าวได้ ซึ่งจากปัญหาที่พบส่วนใหญ่ผู้ประกอบธุรกิจมายื่นขอจดทะเบียนแล้วไปดำเนินกิจการเลยทันที โดยไม่ได้ขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือประกอบธุรกิจไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียนไว้ หากตรวจสอบพบการกระทำความผิดตามกฎหมายที่กรมฯ รับผิดชอบจะส่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แนะนำให้ประชาชนที่จะร่วมดำเนินกิจการ หรือเข้าร่วมธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรงกับนิติบุคคลรายใด ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ จากคลังข้อมูลธุรกิจของกรมฯ ทาง www.dbd.go.th หรือสายด่วน 1570 สำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน ทั้งระบบ Android และ iOS สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น DBD e-Service ผ่าน Play Store และ App Store ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อตรวจสอบข้อมูลธุรกิจได้ทันที
นางนิศาบุษป์ วีรบุตร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา กล่าวว่า จากผลการวิจัยออนไลน์พบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคของกลุ่มผู้บริโภคชาวแคนาดา มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยยินดีที่จะจ่ายเงินมากกว่า หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดทั้งกระบวนการผลิต ฉะนั้น ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับปรุงการผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการมากขึ้น เพื่อส่งผลดีต่อการส่งออกในภาพรวม
และสำหรับการส่งออกสินค้าไทยไปแคนาดาในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 5.3% คิดเป็นมูลค่ากว่า 690 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ข้าว ผลไม้กระป๋องและแปรรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ และยางพารา
ธนาคารโลก จัดทำรายงาน East Asia and Pacific Economic Update เพื่อวิเคราะห์การพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งจะจัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยรายงานฉบับล่าสุดเผยแพร่ในวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคมนี้