- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 02 November 2019 17:35
- Hits: 11449
กรมพัฒน์ฯ ดีเดย์ 1 พ.ย. ตรวจเข้มบริษัทตั้งใหม่ ต้องระบุวัตถุประสงค์-ที่ตั้ง ป้องกันธุรกิจล่องหน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประกาศตรวจเข้มนิติบุคคลตั้งใหม่ ต้องระบุวัตถุประสงค์และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ชัดเจน ถูกต้องตามความเป็นจริง ย้ำหากตรวจสอบเจอภายหลัง จะถูกดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อป้องกันธุรกิจล่องหน และสร้างฐานข้อมูลนิติบุคคลของประเทศให้มีความน่าเชื่อถือ ดีเดย์ตั้งแต่ 1 พ.ย.62 เป็นต้นไป
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกประกาศกรมฯ เรื่อง การระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ตรงกับข้อมูลที่แท้จริง ในการยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ.2562 โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้ผู้ขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจต้องระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ
ทั้งนี้ กรมฯ จะติดตาม ตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของข้อมูลการจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ที่ผู้ขอจดทะเบียนธุรกิจได้ระบุในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานที่ได้แจ้งไว้กับกรมฯ หากพบว่ามีเจตนาที่จะระบุข้อมูลไม่ตรงต่อความเป็นจริง อาจเข้าข่ายเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อทางราชการได้
“ขอความร่วมมือภาคธุรกิจที่ต้องการดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ให้ระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริง เพื่อประโยชน์ทั้งต่อตัวธุรกิจเอง ต่อหน่วยงานภาครัฐ และการนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และหากมีการดำเนินการที่เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืนอันเป็นความเท็จ เบื้องต้น อาจดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และหากยังเพิกเฉยมิได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องอาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อไป”นายพูนพงษ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ จากกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจได้จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด แต่ไม่ได้ระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง ส่งผลต่อหน่วยงานราชการอื่นที่เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมฯ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการให้บริการประชาชนตามมาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน โดยการไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้ตามนโยบายรัฐบาล และบางกรณีอาจทำให้เกิดปัญหาหรือข้อพิพาทระหว่างธุรกิจขึ้นภายหลัง
อีกทั้ง ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเชื่อถือได้ เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจรวมถึง หน่วยงานภาครัฐสามารถนำข้อมูลไปใช้บริการประชาชนและธุรกิจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ และเดินหน้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว
******************************************
กด L Ike - แบ่งปัน เพจเวลา Corehoon-Powerเพื่อติดตามเคล็ดลับข่าวสารเทรนด์และ บทวิเคราะห์ดีๆอัพเดตทุกวันคัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลิกบริจาคเว็บสนับสนุน