- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 22 October 2019 19:16
- Hits: 1253
ที่ประชุมรัฐมนตรีอาร์เซ็ปที่กรุงเทพฯ ยืนยันเดินหน้าทำงานเพื่อให้ผู้นำอาร์เซ็ปร่วมประกาศสรุปผลการเจรจาสิ้นปีนี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ ซึ่งตนเป็นประธานว่า รัฐมนตรีอาร์เซ็ปทั้ง 16 ประเทศยืนยันความตั้งใจของผู้นำอาร์เซ็ปที่จะสรุปผลการเจรจาทั้งหมดให้ได้ในปีนี้ ขณะนี้เหลือประมาณ 20 วันก่อนการประชุมผู้นำ โดยทุกประเทศพร้อมจับมือสู่การประกาศสรุปการเจรจา ซึ่งการประชุมที่ยังเหลืออยู่ในปีนี้ คือ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาร์เซ็ป ระหว่างวันที่ 14 – 19 ตุลาคม 2562 ที่กรุงเทพฯ และการประชุมระดับรัฐมนตรีอาร์เซ็ปในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ก่อนการประชุมสุดยอดอาร์เซ็ปครั้งที่ 3 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ณ กรุงเทพฯ
นายจุรินทร์ เสริมว่า การประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีอาร์เซ็ปยินดีที่ได้ทราบว่าการประชุมคณะกรรมการเจรจาอาร์เซ็ป ครั้งที่ 28 ณ เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยสามารถสรุปผลการเจรจาเปิดตลาดได้แล้ว 80.4% ใกล้จะจบ 16% เหลือการเจรจาเปิดตลาดที่จะต้องเร่งหารือกันต่ออีก 3.6% เท่านั้น และสามารถปิดข้อบทได้เพิ่มอีก 6 บท ได้แก่ บทบัญญัติพื้นฐานและคำนิยามทั่วไป บทการค้าสินค้า บททรัพย์สินทางปัญญา บทบัญญัติทั่วไปและข้อยกเว้น บทการระงับข้อพิพาท และบทบัญญัติสุดท้าย และในการประชุมรัฐมนตรีครั้งนี้สรุปเพิ่มอีก 1 บท คือ บทการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา ทำให้จนถึงตอนนี้สรุปได้แล้ว 14 บท และ 3 ภาคผนวก จากทั้งหมด 20 บท และ 3 ภาคผนวก สำหรับอีก 6 บทที่เหลือ ได้แก่ บทการเยียวยาทางการค้า บทการแข่งขัน บทการค้าบริการ บทกฎถิ่นกำเนิดสินค้า บทการลงทุน และบทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งที่สมาชิกอาร์เซ็ปต้องเร่งหาข้อสรุปในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ก่อนนำเสนอผู้นำประกาศสรุปผลการเจรจาต่อไปในช่วงการประชุมสุดยอดอาร์เซ็ป
ทั้งนี้ หากความตกลงอาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้จะครอบคลุมตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 3,500 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรโลก และมีมูลค่า GDP กว่า 27.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32.3% ของ GDP โลก มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 11.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 29.3% ของมูลค่าการค้าโลก
นอกจากนี้ ความตกลงอาร์เซ็ปจะช่วยลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า ส่งผลให้มีการยอมรับกฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานต่างๆ ระหว่างกัน และสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาค
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web