WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

'ซีพี-ช้าง-สหพัฒน์ฯ-เซ็นทรัล'ลุย ถก'ฉัตรชัย'วางแผนราคา-ส่งออก

     แนวหน้า : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือ ซีพี ,นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) ,นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการและกรรมการบริหาร กลุ่มสหพัฒน์ และนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล ได้เดินทางมาเข้าพบ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ พร้อมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์

     รายงานระบุว่า ทั้ง 4 บริษัทใหญ่ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทั้งเรื่องมาตรการราคาสินค้า การผลิต และการส่งออก รวมทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อกำหนดนโยบายเชิงรุกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

รมว.พาณิชย์.ถก 4 เจ้าสัวร่วมดูแลราคาสินค้า-เชื่อส่งออกปีนี้ไม่ติดลบ

     นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอร์เรจ นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการและกรรมการบริหาร กลุ่มสหพัฒน์ และนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัลและคณะ ได้เดินทางมาพบ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พร้อมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวง

      พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวภายหลังการหารือกับนักธุรกิจรายใหญ่ว่า ได้เล่าให้นักธุรกิจฟังถึงนโยบายของรัฐบาลทั้งระยะสั้น 3 เดือนที่เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และระยะยาวใน 1 ปี ที่เป็นการวางรากฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้ขอความร่วมมือว่าปฏิรูปประเทศ และอย่าทำอะไรที่เป็นการขัดขวางการปฏิรูป ส่วนในเรื่องสินค้าเกษตรนั้นได้ขอให้ภาคเอกชนผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ และสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอนาคต

     "ภาคเอกชนสนับสนุนให้รัฐบาลใช้กลไกตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนราคา ไม่อยากให้รัฐบาลมีนโยบายแทรกแซงราคาที่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือน ส่วนราคาข้าวที่มีข่าวว่าตกต่ำนั้น ขณะนี้กำลังปรับขึ้น แต่การที่รัฐบาลยังต้องใช้เงิน 40,000 ล้านบาทช่วยเหลือชาวนา ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะมีผลทำให้ชาวนามีเงินใช้จ่ายและดันให้เศรษฐกิจฐานรากขยายตัวได้" รมว.พาณิชย์ กล่าว

     นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคได้ชี้แจงกับภาคเอกชนว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพสูง แต่ไม่ได้ขอให้ตรึงราคาสินค้าต่อไป เพราะเชื่อว่าภาคเอกชนให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ขณะเดียวกันยังได้หารือถึงการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หากผลักดันให้ขยายตัวมากขึ้นอีกก็จะทำให้การค้าระหว่างประเทศของไทยและเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อีกมาก รวมถึงได้แจ้งถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่งให้กับภาคเอกชน

                รมว.พาณิชย์ ยังแจ้งอีกว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ 20 ฉบับให้ทันสมัยและทันเหตุการณ์มากขึ้น ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน และต้องนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 3 เดือน

                พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวต่อถึงสถานการณ์การส่งออกของไทย โดยยอมรับว่ามูลค่าการส่งออกของไทยเดือนส.ค.57 ลดลงมากเมื่อเทียบกับเดือนส.ค.56 เพราะสถานการณ์ภายในประเทศของไทย และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกต่างกันมาก โดยเมื่อช่วงต้นปี 57 ไทยยังมีปัญหาการเมืองในประเทศ ทำให้ต่างประเทศไม่เชื่อมั่น แต่หลังจากวันที่ 22 พ.ค.57 ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมาแล้ว เชื่อว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจอัตราการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้จะไม่ติดลบเหมือนที่ภาคเอกชนคาดการณ์อย่างแน่นอน

                ด้านนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอร์เรจ กล่าวว่า รู้สึกดีมากที่กระทรวงพาณิชย์เชิญภาคเอกชนเข้ามาหารือ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นระหว่างภาครัฐและเอกชนด้วยกัน เบื้องต้นได้มีการหารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างรายได้ให้กับรากหญ้า แต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก หลังจากนี้ภาคเอกชนจะเข้าพบรมว.พาณิชย์ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในต่อไป

                        อินโฟเควสท์

ขอความร่วมมือประคองราคาสินค้าลดผลกระทบผู้บริโภค พณ.ถก4เจ้าสัวร่วมกู้ศก.

    แนวหน้า : รมว.พาณิชย์ นำทีมผู้บริหารกระทรวง  นัดหารือ 4 เจ้าสัวใหญ่ของเมืองไทย เจ้า ทั้ง สัวเจริญ เจ้าของไทยเบฟ  เจ้าสัวธนินทร์ เครือซีพี  เสี่ยทศ เซ็นทรัล และ เทวิต เครือสหพัฒน์ ของความร่วมมือ การรักษาระดับราคาสินค้า และชี้แจงนยายของรัฐที่จะสนัยสนุนภสาคเอกชนพลเอกฉัตรชัย ฟุ้ง ภาคธุรกิจพอใจการทำงานของรัฐาล

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ฉัตรชัย ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์และรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ได้หารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยได้แก่ นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธาน กรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการและ กรรมการบริหาร กลุ่มสหพัฒน์ และนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล โดยใช้เวลาหารือร่วมกันเกือบ 2 ชั่วโมง

     ทั้งนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมหารือด้วย ได้แก่ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร รักษาการอธิบดีกรมการค้าภายใน

       สำหรับ ประเด็นการหารือของกลุ่มธุรกิจระดับประเทศ 4 บริษัทใหญ่กับ รมว.พาณิชย์ในครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทั้งเรื่องมาตรการดูแลค่าครองชีพ การผลักดันการส่งออก และความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อกำหนดนโยบายเชิงรุกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

      พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของกระทรวงพาณิชย์ในหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐ และ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศ 4 กลุ่ม โดยในในการหารือได้มีการสร้างความเข้าใจร่วมกัน ในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังได้ชี้แจ้งการทำงานของรัฐบาลให้แก่ผู้ประกอบการการทราบ โดยภาคเอกภาคเอกชนต่างเห็นตรงกัน และพึงพอใจกับแนวทางของรัฐบาล

     สำหรับ เรื่องที่ได้ชี้แจงให้ทางภาคเอกชนทราบ ประกอบด้วย การดูแลสินค้าเกษตรในระยะยาว โดยหลังจากนี้จะมีเน้นการดูแลเรื่องของคุณภาพมากกว่าปริมาณ รองรับการเปิดประชาคสเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี), การรักษาระดับราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความเดือดร้อน แต่ทั้งนี้ไม้มีการขอให้ตรึงราคาสินค้า, ภาครัฐจะมีการสนับสนุนการค้าตามแนวชายแดนมากขึ้น, มีการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง และกระทรวงพาณิชย์จะเร่งแก้กฎหมายที่ล้าหลัง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะเร่งทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ซึ่งปัจจุบัน ณ วันที่ 2 ต.ค. 2557 มีกฎหมายภายในกระทรวงที่ต้องแก้ไขกว่า 20 ฉบับ และคาดว่าจะมีอีกหลายฉบับที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ จากนั้นจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

    “เอกชนต่างเห็นด้วยต่อสิ่งที่ผมชี้แจงให้ฟัง และก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในสิ่งที่ทำได้ เพราะต่างก็รักชาติ ต้องการทำเพื่อประเทศ ยินดีช่วยเหลือประชาชนในประเทศด้วยเช่นกัน และทุกท่านต่างเห็นตรงกันว่าควรมีการร่วมหารือกันอีก”

     ทั้งนี้ ในส่วนของของการส่งออกปี 2557 แม้จะมีหลายฝ่ายกังวล แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่ติดลบแน่นอน และต้องยอมรับว่าตัวเลขการส่งออกเทียบระหว่างปีนี้แย่กว่าปีก่อนจริง แต่ต้องไม่ลืมว่าสถานการณ์นั้นแย่มาตั้งแต่ปลายปีก่อน ซึ่งเชื่อว่าจากนี้การส่งออกกำลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ และทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ช่วยเหลือกัน

                นอกจากนี้ก่อนที่จะร่วมหารือกับภาคเอกชนไทยยังได้มีการพบปะกับประธานหอการค้าญี่ปุ่น โดยได้มีการชี้แจง สร้างความเชื่อมั่นต่อคณะหอการค้าญี่ปุ่นด้วย ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี ทางหอการค้าญี่ปุ่นยังยินดีให้ความร่วมมือ ทำงานร่วมกับไทย และยังระบุว่ากลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทย 50-60% จากกว่า 1,500 บริษัท ยังมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย อีกทั้งภายหลังหารือร่วมกับภาคเอกชนไทยยังมีการพบปะกับคณะหอการค้าอิหร่านต่อด้วย

    ด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ถือว่าเป็นมิติใหม่ที่รัฐบาลและเอกชน จะมาร่วมทำงานด้วยกัน และมีความเชื่อมโยงกันมากกว่าที่ผ่านมาซึ่ง ไทยคงต้องเร่งพัฒนา ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ และ สินค้าเกษตรให้มีความเข้มแข็ง และ ต้องการให้มีการหารือกันลักษณะนี้อีก โดยขยายไปกระทรวงอื่นๆด้วย

    นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหารบริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นว่ารู้สึกดีมากที่มีการหารือแบบนี้ เพราะจะมีการทำงานที่เชื่อมโยงระหว่างรัฐและเอกชนมากขึ้น เพื่อจะช่วยกันทำให้ ระดับรากหญ้า สามารถที่จะ อยู่รอดได้ด้วย ซึ่งคงจะมีหารือกันอีก ในอนาคต

     ขณะเดียวกัน นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาค่าครองชีพ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและคืนความสุขให้กับคนไทย กระทรวงการคลังได้จัดงาน “คืนความสุขให้คนไทยจากใจ...กระทรวงการคลัง” ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2557  ใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยนำบริการภาครัฐมาให้บริการประชาชนแบบ One Stop Service  พร้อมจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค ราคาพิเศษ จากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายชั้นนำของประเทศ

    ทั้งนี้ ภายในงาน จะมีการจำหน่ายไข่ไก่ฟองละ 1 บาท เวทีละ 100,000  ฟอง รวม 400,000 ฟอง อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน อาทิ เครือสหพัฒน์ เครือซีพี  และโออิชิ เข้าร่วมขายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาพิเศษ รวมทั้งยังมีการคืนความสุขให้แก่ผู้มาร่วมชมงาน ด้วยจับรางวัลไข่ทองคำ และรถจักรยานยนต์ ในทั้ง 4 เวที

  นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดร่วมให้บริการประชาชนแบบ One Stop Service  เช่น บ้านมือสองจากธนาคารของรัฐ สินเชื่อและเงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษ การแสดงเหรียญกษาปณ์หายาก สลากกินแบ่งรัฐบาลราคามาตรฐาน ให้คำปรึกษาด้านการเงินให้กับธุรกิจทุกระดับ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!