- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 06 September 2019 15:25
- Hits: 2826
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำอาเซียนผนึกกำลังรับมือสงครามการค้า เร่งเจรจาอาร์เซ็ปให้จบในปีนี้
ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ลั่นทุกประเทศต้องผนึกกำลังกันรับมือสงครามการค้า เดินหน้าขับเคลื่อนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ ผลักดันการเจรจาอาร์เซ็ปให้สำเร็จในปีนี้ พร้อมขอความร่วมมือแก้ปัญหาขยะในทะเล ดูแลแรงงานที่จะได้รับผลกระทบ 'จุรินทร์'เตรียมใช้บทบาทประธานอาเซียน ดันเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หาทางปิดดีลอาร์เซ็ป และสร้างความยั่งยืนให้อาเซียน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 51 ระหว่างวันที่ 5-10 ก.ย.2562 ที่โรงแรมแชงกรี-ล่า กรุงเทพ ตอนหนึ่งว่า อาเซียนต้องร่วมมือกันในการผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่สังคมโลกต้องเผชิญกับสงครามการค้า ทุกประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อให้อาเซียนอยู่รอดภายใต้แนวคิดไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยร่วมมือกันในการแก้ปัญหา ทั้งการเตรียมตัวรับมือกับอนาคต การเสริมสร้างความเชื่อมโยง และส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน และการเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้าด้วยการผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ที่จะต้องเร่งดำเนินการเจรจาหาข้อสรุปให้เสร็จในปีนี้ เพราะไทยและสมาชิกจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ทั้งตลาดการค้าที่มีประชากรรวมกัน 50% ของโลกหรือ 3,500 ล้านคน และขนาดเศรษฐกิจมีมูลค่า 27.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32.3% ของจีดีพีโลก
“เรากำลังเผชิญกับสงครามการค้า เราต้องพึ่งพากันและกัน เพราะทำคนเดียวไม่ได้ เนื่องจากโลกได้เปลี่ยนแปลงและปัญหาจะมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น คาดหวังว่าอาร์เซ็ปจะจบปีนี้ รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่ต้องร่วมมือกันแก้ด้วย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เรื่องดิจิตอล มีทั้งวิกฤติและโอกาส เรื่องขยะทะเล ผมขอความร่วมมือช่วยกันลดขยะ และพัฒนาด้านสมาร์ทซิติในเมืองเก่า ดิจิทัลในเมืองใหม่ และระบบการค้าเอสเอ็มอี ก็ต้องส่งเสริม สุดท้ายผมห่วงเรื่องแรงงาน เพราะมีเครื่องจักรเพิ่มขึ้น จึงขอให้ดูแลเรื่องปัญหาแรงงาน ท้ายนี้ฝากความระลึกถึงท่านสุลตาน และนายกฯทุกประเทศด้วย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในฐานะเป็นประธานการประชุมอาเซียนปีนี้ จะผลักดันให้อาเซียนมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น โดยจะเร่งรัดให้มีการลดภาษีสินค้าเป็น 0% โดยเร็วที่สุด ให้เป็นไปตามแผนการที่ได้กำหนดไว้ และร่วมมือกันในการเชื่อมโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียนให้ได้ครบทั้ง 10 ประเทศภายในสิ้นปีนี้ การส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของการค้าการลงทุนในภูมิภาค และการจัดทำแผนแม่บทด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ที่จะเป็นการนำศักยภาพของแต่ละประเทศสมาชิกมาช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับอาเซียนผ่านการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการค้าและกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้น
ขณะเดียวกัน จะเร่งรัดการเจรจาอาร์เซ็ป เพื่อช่วยสนับสนุนการค้า การลงทุนของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาให้มากขึ้น ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากสมาชิกอาร์เซ็ปทั้ง 16 ประเทศ ในการหาทางออกร่วมกันและแสดงความยืดหยุ่นต่อกันให้มากที่สุดในช่วงเวลา 3 เดือนที่เหลืออยู่นี้ โดยมีเวลาจะเจรจากันในครั้งนี้ และอีกครั้งในเดือน พ.ย.2562 และหวังว่าจะจบตามเป้าหมายในปลายปีนี้
สำหรับ ความยั่งยืนเป็นประเด็นที่ไทยต้องการสร้างความตระหนักในอาเซียนให้เพิ่มมากขึ้นนั้น ในปีนี้ อาเซียนได้เริ่มดำเนินความร่วมมือเพื่อต่อต้านการทำประมงไอยูยู จัดทำแนวทางการพัฒนาตลาดทุน เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจมีการดำเนินงานโดยคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีความร่วมมือเพื่อเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในอาเซียน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การเติบโตของอาเซียนที่มีความสมดุล และยังคงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิตและความต้องการของคนรุ่นหลังได้
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้ผู้นำอาเซียนแสดงจุดยืนเรื่องการต่อต้านสงครามการค้านั้น ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับภาคเอกชนมาโดยตลอด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการจัดตั้งวอร์รูมเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเฉพาะ และคิดว่าทุกประเทศในอาเซียน ก็คงมีแนวทางในการรับมือกับสงครามการค้าอยู่แล้ว
Click Donate Support Web