- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 05 September 2019 19:29
- Hits: 2477
ไทยขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งโลกส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เผยเอฟทีเอมีส่วนช่วยหนุน
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผย 7 เดือน ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 1,688 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.91% แต่ยังครองแชมป์ส่งออกเบอร์ 1 ของโลก ทิ้งคู่แข่งอย่างสหรัฐฯ และฝรั่งเศสไม่เห็นฝุ่น เหตุได้รับผลดีจากเอฟทีเอที่ช่วยเปิดตลาด จากการลดภาษี ทำสินค้าไทยแข่งขันดีขึ้น เล็งถกคู่เจรจาเอฟทีเอที่ยังไม่ลดภาษีอีก 3 จาก 18 ประเทศให้ลดภาษีต่อไป รวมถึงเร่งเจรจาลดภาษีกับประเทศอื่นๆ เพิ่ม
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วง 7 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 1,688 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.91% โดยในจำนวนนี้ การส่งออกกว่า 80% เป็นการส่งออกไปยังประเทศคู่เจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ของไทย คือ จีนมูลค่า 927 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 54.90% ของการส่งออกทั้งหมด อาเซียน มูลค่า 265 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 15.69% และญี่ปุ่น มูลค่า 178.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 10.58% ที่เหลือเป็นจีนไทเป มูลค่า 82.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 4.86% และสหรัฐฯ มูลค่า 57.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 3.38% ซึ่งส่งผลให้ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก นำคู่แข่งอย่างสหรัฐฯ และฝรั่งเศสหลายเท่าตัว
ปัจจัยที่ส่งผลให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้เพิ่มขึ้น มาจากสินค้าไทยมีคุณภาพและมาตรฐาน และยังได้รับผลดีจากเอฟทีเอ ที่ประเทศคู่เจรจาได้มีการลดภาษีนำเข้าให้กับไทย โดยปัจจุบันคู่เจรจาเอฟทีเอ 18 ประเทศ มีถึง 15 ประเทศ ที่ไม่เก็บภาษีนำเข้าจากไทย ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง เหลือเพียง 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ยังเก็บภาษีการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยบางรายการ
“กรมฯ พร้อมสนับสนุนด้วยการเดินหน้าเจรจาการค้า ผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้ไทย ภายใต้การเจรจาเอฟทีเอกรอบต่างๆ ทั้งการทบทวนความตกลงกับคู่ค้าที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย และความตกลงเอฟทีเอที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น การเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) การเจรจากับตุรกี ปากีสถาน และศรีลังกา รวมถึงการเจรจาเปิดตลาดกับคู่ค้าใหม่ในอนาคต เช่น สหภาพยุโรป เป็นต้น”นางอรมนกล่าว
นางอรมน กล่าวว่า ในระยะยาวแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมันสำปะหลังเป็นทั้งพืชอาหาร วัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และเป็นพืชที่ใช้ผลิตพลังงานทดแทน จึงมีตลาดรองรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังแปรรูป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูง และจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารคนและอาหารสัตว์ เครื่องสำอาง และยา เป็นต้น จึงถือเป็นโอกาสของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ที่จะขยายการส่งออกได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าในตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทวีความเข้มข้นขึ้น โดยคู่แข่งที่สำคัญของไทยในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง คือ ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชาและเวียดนาม ที่เริ่มพัฒนาการผลิตตลอดจนคุณภาพสินค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้น นอกจากข้อได้เปรียบจากเอฟทีเอแล้ว ผู้ประกอบการของไทยควรปรับตัวเพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยเฉพาะมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานสินค้าให้เท่าทันกับความต้องการของตลาด เช่น ปรับเปลี่ยนกระบวนการแปรรูป การเก็บรักษา ตลอดจนความสะอาดในการขนส่งให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสุขอนามัยพืช เป็นต้น
Click Donate Support Web