- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 01 September 2019 08:47
- Hits: 4816
คต. เผย ค้าชายแดน-ผ่านแดน 7 เดือนปี 62 โต 1.67% เร่งมาตรการปั๊มยอดต่อ
กรมการค้าต่างประเทศ เผยการค้าชายแดน-ผ่านแดน 7 เดือนปี 62 มีมูลค่า 806,232.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.67% มาเลเซียยังเป็นคู่ค้าชายแดนอันดับหนึ่งของไทย ด้านการค้าผ่านแดน จีนตอนใต้เพิ่มแรง 40.83% มั่นใจในช่วงที่เหลือของปีนี้ การค้ายังคงสดใส จากปัจจัยสนับสนุนของรัฐบาลและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการอัดฉีดกิจกรรมส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจตามแนวชายแดน
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 7 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 806,232.63 ล้านบาท ขยายตัว 1.67% เป็นการส่งออก 446,517.75 ล้านบาท (ลดลง 0.55%) และการนำเข้า 359,714.88 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.56%) ซึ่งเกินดุลการค้า 86,802.87 ล้านบาท โดยแยกเป็น (1) การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ มูลค่า 646,284.30 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.46%) เป็นการส่งออก 362,241.25 ล้านบาท (ลดลง 3.61%) นำเข้า 284,043.05 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.17%) เกินดุลการค้า 78,198.20 ล้านบาท และ (2) การค้าผ่านแดนกับ 3 ประเทศ มูลค่า 159,948.33 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.85%) เป็นการส่งออก 84,276.49 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.11%) นำเข้า 75,671.83 ล้านบาท (ลดลง 1.06%) เกินดุลการค้า 8,604.66 ล้านบาท
ทั้งนี้ การค้าชายแดน มาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มูลค่า 318,194.49 ล้านบาท (ลดลง 2.49%) เป็นการส่งออก 150,497.27 ล้านบาท (ลดลง 11.30%) นำเข้า 167,697.21 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7.05%) รองลงมาคือ เมียนมา มูลค่า 118,583.91 ล้านบาท สปป.ลาว มูลค่า 116,346.28 ล้านบาท และกัมพูชา มูลค่า 93,159.63 ล้านบาท ขณะที่การค้าผ่านแดนจีนตอนใต้มีมูลค่าสูงสุด มูลค่า 73,616.23 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 40.83%) เป็นการส่งออก 31,208.38 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 61.22%) นำเข้า 42,407.85 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 28.84%) รองลงมาคือ เวียดนาม มูลค่า 43,751.49 ล้านบาท และสิงคโปร์ มูลค่า 42,580.60 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และมีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ได้แก่ ความยืดเยื้อของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังมีความไม่แน่นอนในการเจรจาหาข้อยุติ ปัญหาข้อพิพาทและขัดแย้งของประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ อินเดีย-ปากีสถาน เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น และการประท้วงในฮ่องกง รวมถึงการถอนตัวออกจากประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ของอังกฤษ ในวันที่ 31 ต.ค นี้ รวมถึงความผันผวนของค่าเงินของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค สำหรับสถานการณ์การค้าชายแดนด้านมาเลเซีย การส่งออกยังคงหดตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้ายางพารา/ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ ขณะที่ สปป.ลาว การส่งออกยังคงหดตัวลง อาทิ น้ำมันดีเซล/น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์ฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า สินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรอื่นๆ ด้านเมียนมา การส่งออกยังคงมีการชะลอตัวเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สำหรับกัมพูชา สถานการณ์การค้ามีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกขยายตัวถึง 21.09% โดยเฉพาะการส่งกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รถยนต์ อุปกรณ์ฯ เป็นต้น
นายอดุลย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำคณะ YEN-D Frontier รุ่นไทย-เวียดนาม จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์จนเกิดความสนิทสนมตามแนวคิด “ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมาก่อนแล้วธุรกิจจะตามมาเอง” ระหว่างวันที่ 22-27 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถสร้างและสานต่อความสัมพันธ์ เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจได้ทันทีกว่า 18 คู่ อาทิ กลุ่มสินค้าขนมต่างๆ ช็อคโกแลต ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหารไทย-อีสาน อุปกรณ์สำนักงาน และกลุ่มสินค้าเกษตร นอกจากนี้ได้จัดงานมหกรรมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา หรือ THAILAND-MYANMAR BORDER TRADE FAIR 2019 ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2562 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีผู้ประกอบการทั้งไทยและเมียนมาเข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าดาวเด่นของทั้ง 2 ประเทศ (Country Pavilion) กว่า 150 คูหา และมีทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาข้ามมาจับจ่ายใช้สอยภายในงานอย่างล้นหลามกว่า 9,500 คน เงินสะพัดกว่า 4.5 ล้านบาท
นอกจากนั้น การเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ของผู้ประกอบการกว่า 50 ราย ได้ยอดการค้าระหว่างกันทันทีกว่า 12.50 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการซื้อขายต่อกันในอนาคตไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า ปุ๋ย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เครื่องสำอาง ของใช้ภายในบ้าน และของตกแต่งบ้าน เป็นต้น และล่าสุดเมื่อวันที่ 19-21 สิงหาคม 2562 กรมฯ ได้นำคณะผู้ประกอบการ YEN-D Frontier รุ่น LIMEC (ไทย-เมียนมา-สปป.ลาว) จัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ สานสัมพันธ์ และเจรจาขยายการค้าให้กับผู้ประกอบการระหว่างไทย-เมียนมา ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา มีการเปิดงาน Business Matching Series 2019 และมีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจกว่า 60 คู่ เกิดมูลค่าการซื้อขายกันทันทีกว่า 260 ล้านบาท จากกลุ่มสินค้า เครื่องจักร อุปกรณ์ทางการเกษตร แพ็คเกจจิ้ง และอุตสาหกรรมอาหาร และคาดว่าภายในปี 2563 จะมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้มีแผนผลักดันการค้าในปี 2562 โดยในระยะเร่งด่วนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) สั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนกระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการส่งออก เพื่อผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในระยะเวลาที่เหลือในปี 2562 กรมฯ ได้เร่งจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ได้แก่ กิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Young Entrepreneur Network Development Program : YEN-D Program) เตรียมนำกลุ่ม YEN-D Program สร้างความสัมพันธ์และเจรจาจับคู่ธุรกิจ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 13-15 ก.ย. 2562 และกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 20-22 ก.ย. 2562
นอกจากนี้ ยังมีกำหนดจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มุกดาหาร-สะหวันนะเขต "สานสัมพันธ์การค้า เชื่อมโยงสองฝั่งโขง" ระหว่างวันที่ 12 – 15 กันยายน 2562 ณ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งจะนำทัพผู้ประกอบการทั้งไทยและสปป.ลาว จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของทั้ง 2 ประเทศ พร้อมจัดสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการไทยทั้ง SMEs/Start up และจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ และจัดประชุมหารือ-เอกชนของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างกัน
Click Donate Support Web