- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 08 August 2019 15:03
- Hits: 2266
จุรินทร์ มอบ 10 นโยบายลุยงานพาณิชย์ ฟื้นชีวิตโชว์ห่วยช่วยชาวบ้านฐานราก เร่งแก้เศรษฐกิจ และวางมาตรการประกันรายได้ด่วนสุด
ภายหลังการประชุมมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับการหารือสำนักงบประมาณซึ่งถือว่าเป็นการรประชุมมอบอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าเป็นการหารือร่วมกันกับผู้บริหารเพื่อกำหนดเป็นทิศทางร่วมกัน โดยได้ข้อสรุปแนวนโยบายมอบผู้เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกันในการการขับเคลื่อนกระทรวงพาณิชย์ 10 ข้อ คือ
1. การประกันรายได้เกษตรกร โดยดูแลพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน แบะข้าวโพด และกระตุ้นราคาสินค้าเกษตรในภาพรวมทั้งหมด รวมทั้งเร่งรัดปัญหาพืชเกษตรเชิงรุก ไม่รอให้เกิดปัญหา จะแก้ปัญหาล่วงหน้า เพราะปฏิทินพืชผลการเกษตรนั้นทุกฝ่ายรู้ล่วงหน้าอยู่และจะมีการใช้แผนเกษตรพันธสัญญาด้วย 2. กระทรวงฯจะเน้นดูแลราคาสินค้าและบริการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมผู้กับบประกอบการและผู้บริโภค 3.จะเร่งรัดการส่งออกสินค้าและบริการโดยเน้นส่งออกพืชผลทางการเกษตร บริการสินค้า OTOP สินค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับ หมวดอื่นๆ โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ เน้นรักษาและขยายตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ ฟื้นตลาดเก่าจากสถานการณ์ในต่างประเทศที่เคยเป็นอุปสรรค และมุ่งเน้นการค้าชายแดนและข้ามแดน เพิ่มมูลค่าการส่งออก
และ 4.จะเร่งรัดการเจรจาค้างท่อ เช่น ASEAN และ RCEP จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ การดำเนินการเจรการ FTA ระหว่าง THAI-EU ตุรกี ศรีลังกา ปากีสถาน อังกฤษ ตลอดจนเร่งหาข้อสรุปของ CPTPP (ข้อตกลงความชอบความครอบคลุมและความก้าวหน้าและความก้าวหน้าเรื่องหุ้นส่วนทางการค้าภาพภาพพื้นเอเซียเอเชียแปซิฟิก) 5.เดินหน้าระบบ e-filing ต่อไปเพื่อให้การจดทะเบียนและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับบริหารของกระทรวง ยึดหลักง่าย สะดวก รวดเร็ว กับทั้งผู้เกี่ยวข้องและผู้ใช้บริการ ทั้งในเรื่อง นิติบุคคล ผู้ใช้บริการ ทรัพย์สินทางปัญญา เอกสารการค้าระหว่างประเทศ 6.เร่งรัดการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะ GI เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ เพื่อใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์ทั้งภายในนอกประเทศ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มสินค้าและบริการ และจะจัดให้มีโมบายเคลื่อนที่ทรัพย์สินทางปัญญาให้ความรู้ และจดทะเบียนในพื้นที่ต่างๆ สำคัญและจำเป็น
7. กระทรวงฯจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดัน ศก.ยุคใหม่ Bio green sharing creative economy การค้าออนไลน์ โดยสนับสนุน start up เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ SME otop แฟรนไชส์ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 8.ฟื้นช่วยโชว์ห่วย ให้เป็นกลไกสำคัญต่อเศรษฐกิจ ฐานรากของแระเทศ และจะดำเนินการให้ปรับรูปแบบเป็น Smartโชว์ห่วย ควบคู่ร้านธงฟ้า จะมีการตั้งเป้าหมายต่อไปและจะปรับเป็นร้านคอนวิเนียนสโตรระบบ Stock ชั้นวางของต่างๆ เพื่อเป็นกลไกลสำคัญ 9. มุ่งเน้นการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจภาคบริการเพื่อเพิ่มการแข่งขันองประเทศ สปา ธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุ นำรายได้เข้าประเทศรต่อไป และ 10.จะใช้กลไลขับเคลื่อนใหนโยบายเดินหน้าไปดังนี้ คือ (1) จะดำเนินการประชุมกระทรวงอย่างน้อยเดือน 1 ครั้งเพื่อติดตามงานคืบหน้า (2) กลไกลกรอ.พาณิชย์ หรือคณะกรรมการร่วมภาครัฐกับเอกชนโดยกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริม ผลักดัน ขับเคลื่อน และความคุ้มครองผู้บริโภค (3) ใช้กลไก 3 ประสานเพื่อดูแลเรื่องการเกษตร ประกอบด้วย ภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ให้เกษตรกรมีเวทีร่วมกันในการตัดสินใจ (4) ทูตพาณิชย์ฯต้องเป็นมืออาชีพเพื่อเป็นทัพหน้าสำคัญให้ภาคเอกชนนำรายได้จากการส่งออกเป็นสำคัญ
จุรินทร์ประชุมสามฝ่าย เคาะประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ชาวสวนพอใจ ชื่นชมรัฐมนตรีที่ได้มาตรการ เป็นรูปธรรมที่สุด
หน้าห้องประชุม 404 ชั้น4 อาคารรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้จัดการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการตามน้ำมันทั้งระบบโดยผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 100 คนทั้งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในและกรมที่เกี่ยวข้อง ราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และตัวแทนเกษตรกร เช่น นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย นายอธิราษฎร์ ดำดี ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นต้น
โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวสรุปผลการประชุม ได้ระดมทุกฝ่าายมาหาข้อสรุปร่วมกันในเรื่องของการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายได้เห็นพ้องต้องกันว่าจะมีการดำเนินการตามนโยบายประกันรายได้ชาวสวนปาล์มของรัฐบาลโดยแบ่งรายละเอียดนั้นจะกำหนดรายได้ประกันที่กิโลกรัมละ 4 บาทที่น้ำมัน 18% โดยจัดประกันรายได้ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ ในเรื่องของการคิดคำนวณส่วนต่างที่จะโอนผ่านบัญชีของธนาคาร ธกส.โอนให้เกษตรกรนั้น คิดคำนวณจากรายได้ที่ประกันกิโลละ 4 บาทลบด้วยราคาตลาด ณช่วงเวลาที่กำหนดโดยส่วนต่างนี้จะโอนเข้าบัญชีให้เกษตรกรทันที
โดยการคำนวณราคาตลาดเพื่อเอาไปรบกับ 4 บาทนั้นก็จะคำนวณทุก 15 วันและจะมีอนุกรรมการที่จะมีการจัดตั้งขึ้นเป็นผู้คำนวณ ส่วนในเรื่องของการโอนเงินส่วนต่างนั้นจะโอนให้ปีละ 4 ครั้งหรือที่เรียกว่าจะโอนให้ทุก 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม นโยบายประกันรายได้ของชาวสวนปาล์มนั้นจะเป็นมาตรการหนึ่ง แต่จะมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ชาวสวนปาล์มมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยมาตรการที่จะทำควบคู่กันไปนั้นประกอบด้วยหลายมาตรการด้วยกัน เช่น มาตรการที่หนึ่ง คือเป็นมาตรการที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้บี 10 โดยผู้แทนของกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีแนวทางที่จะดำเนินการให้บี 10 เป็นภาคบังคับโดยเปลี่ยนจากบี7 เป็นบี 10 ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์ม
มาตรการที่สอง คือ นำผลิตภัณฑ์ตามนั้นไปใช้เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเคยไงมติและยังมีผลของปริมาณการใช้ตามเหลืออยู่จนถึงขณะนี้อีกประมาณ 130,000 ตันซึ่งจะมีการผลักดันในการดำเนินการให้จบตามที่คณะรัฐมนตรีแจ้งไว้
ประการที่สาม คือ ในเรื่องของการกำกับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มที่ฟอก แนะนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีเข้ามาตรวจวัดแทนการใช้กำลังคน เป็นมติเป็นเอกฉันท์ ว่าให้นำเครื่องวัดทางอิเล็คทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำ
ประการถัดมา คือ มาตรการในเรื่องของการที่จะต้องบังคับในการนำเข้าน้ำมันปาล์มและเคร่งครัดในเรื่องของการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากประเทศไทยโดยเฉพาะผ่านจากด่านสะเดา หรือทางภาคใต้เพื่อผ่านแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะต้องมีมาตรการกำกับและบังคับใช้โดยเคร่งครัดเพื่อไม่ให้มีการนำน้ำมันปาล์มที่อ้างว่าเพื่อการผ่านแดนมาใช้ในประเทศไทยมีผลทำให้ราคา ผลปาล์มตกและกระทบกับเกษตรกร
ประการต่อไป คือ การเร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งเรามีแข่ง คือมาเลเซียอินโดนีเซียแปลว่าตลาดใหญ่อยู่ในอินเดียและอาจจะมีตลาดอื่นรองรับ ซึ่งตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ก็จะรับไปในการจะเพิ่มการส่งออกต่อไปเป้าหมายใหญ่ครั้งนี้ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปอินเดียจะนำภารกิจนี้ไปดำเนินการเพื่อเปิดตลาดน้ำมันปาล์มเพิ่มด้วย
มาตรการสุดท้ายที่สำคัญ คือ
เราเห็นด้วยตรงกันว่ามาตรการปาล์มยั่งยืนเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะที่จะเป็นรูปธรรมในการทำให้เกิดความยั่งยืนขึ้นได้ คือต้องมีพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันเกิดขึ้น ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะได้มีการผลักดันในเรื่องของพระราชบัญญัตินี้ให้เกิดขึ้นสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งหมด คือผลการประชุมในวันนี้ และจะได้มีการนำเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อนำเข้าคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป
Click Donate Support Web