- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 24 October 2018 09:12
- Hits: 9651
'สนธิรัตน์' เร่งเครื่องสู้ศึกการค้า ติวเข้มทูตพาณิชย์ทั่วโลก
รมว.พาณิชย์ เร่งเครื่องสู้ศึกการค้า ติวเข้มทูตพาณิชย์ทั่วโลกก่อนประชุมใหญ่ ถกรายภูมิภาควิเคราะห์สถานการณ์การค้าและเตรียมกลยุทธ์รับมือสถานการณ์ผันผวนของโลก ผันวิกฤติเป็นโอกาส พร้อมจัดทำแผนผลักดันการส่งออกให้เป็นรูปธรรม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างเป็นประธานในการประชุมเตรียมการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 64 แห่งทั่วโลก ว่า การประชุมในวันนี้ เพื่อเจาะลึกสถานการณ์รายภูมิภาคกับทูตพาณิชย์ ประเมินวิกฤตและโอกาสทางการตลาดของพื้นที่ที่รับผิดชอบดูแล วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างไรและให้จัดทำแผนการรับมือรวมถึงแผนผลักดันการส่งออกอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันยอดส่งออกในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2561 พร้อมวางแผนการขับเคลื่อนการส่งออกรวมทั้งขยายการค้าและการลงทุนในปี 2562 ก่อนการประชุมใหญ่ในวันที่ 18 ตุลาคม 2561 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน
ทั้งนี้ หลายภูมิภาคยังมีลู่ทางสำหรับสินค้าไทย โดยใช้โอกาสจากประเทศที่มีการเจรจา FTA กับไทย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ อินเดีย เป็นต้น และประเทศในเขตการค้าเสรี นอกจากนั้น ยังมีภูมิภาคและประเทศต่างๆ ที่มีความน่าสนใจทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว เช่นภูมิภาคอัฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ยังมีโอกาสมากในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นอัฟริกาใต้ โมซัมบิก และแองโกลา ตลาดตะวันออกกลาง และ CIS รวมถึงกลุ่มประเทศฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่น่าจับตามองอย่างอินเดีย ซึ่งได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน คาดว่า เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวมากขึ้น พร้อมกับโอกาสของสินค้าไทยที่เพิ่มขึ้นในตลาดอินเดีย ซึ่งมีประชากร ถึง 1,300 ล้านคน
การประชุมในครั้งนี้ จะปรับเพิ่มบทบาทใหม่ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.)ในการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์ทางการค้าที่มีความผันผวนได้อย่างทันท่วงที และรูปแบบใหม่ของธุรกิจที่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ รวมทั้งเพิ่มบทบาทในการจัดทำแผนส่งเสริมและขยายตลาดแก่ธุรกิจบริการไทยอย่างเป็นรูปธรรม นอกเหนือจากส่งเสริมการส่งออกสินค้า
นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้ สคต. ทุกแห่งกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าและนักธุรกิจรายสำคัญในประเทศเขตดูแลของตน เพื่อสร้างแนวร่วมในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาทางการค้า ตลอดจนสคต. ต้องบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงการทำงานกับระดับจังหวัด โดยมีสำนักงานพาณิชย์ 18 กลุ่มจังหวัดเป็นกลไกในภูมิภาค เพื่อสร้างโอาสทางธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้แก่เกษตกรรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เป็นรายย่อย (MSMEs) และผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่มีศักยภาพซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญและมีเป้าหมายที่จะเร่งผลักดันการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก โดยภายใต้นโยบาย Local 2 Global
ในการประชุมทูตพาณิชย์ครั้งนี้ จะมีการประเมินแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยมั่นใจว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ที่ ร้อยละ 8 เป็นไปได้อย่างแน่นอน รวมถึงจะประเมินแนวโน้ม ทิศทาง และเป้าหมายการส่งออกปี 2562 ด้วย ซึ่งจะประเมินจากภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าในปัจจุบัน ผลกระทบจากสงครามการค้า ราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน โดยจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ การส่งออกของไทยใน 8 เดือนแรก มีมูลค่า 169,030 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 10 โดยตลาดส่งออกสำคัญมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่เอเชียใต้ เพิ่มขึ้น 20.8 ร้อยละ อาเซียน ขยายตัว ร้อยละ 17.7 จีน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.3 ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.7 สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 สหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.4 มีเพียงตะวันออกกลางเท่านั้นที่ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.3 เนื่องจาก ปัญหาความไม่สงบในภูมิภาค กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่า มูลค่าการส่งออกในปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายกำหนด โดยมีมูลค่าถึง255,565 ล้านเหรียญสหรัฐฯได้อย่างแน่นอน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
ส่งออกก.ย.61 ติดลบ 5.2% ครั้งแรกในรอบ 19 เดือน เหตุสงครามการค้าพ่นพิษ
ก.พาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออก ก.ย. 61 ติดลบ 5.20% ติดลบครั้งแรกในรอบ 19 เดือน เหตุฐานสูง -สงครามการค้ากดดัน ส่วนนำเข้าก.ย.โต 9.9% ขณะที่ดุลการค้าเกินดุล 487.2 ล้านดอลล์ ขณะที่ 9 เดือนส่งออกโต 8.13% นำเข้า 15.2% เกินดุลการค้า 2,838.5 ล้านดอลล์ ชี้สงครามการค้ากดดันตลาดส่งออกไปจีนชะลอ 16.3% ยันเป้าทั้งปีโต 8%
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการแถลงข่าวตัวเลขส่งออกว่า ส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2561 มีมูลค่า 2.07 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดลบ 5.20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน
โดยปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขส่งออกเดือนกันยายนลดลง มาจากฐานการส่งออกปีที่แล้วสูง ขณะที่เดือนสิงหาคมได้เร่งส่งออกเป็นจำนวนมากเพราะกังวลกับปีฐหาสงครามการค้า ส่งผลให้การส่งออกในเดือนกันยายนมีมูลค่าลดลง ขณะเดียวกันเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยก็ปรับตัวชะลอลง และการส่งออกไทยไปจีนซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าแล้วใน 4-5 กลุ่มสินค้า ส่งผลให้การส่งออกไทยไปจีนหดตัวแล้ว 16.3% หรือคิดเป็นมูลค่า 392 ล้านดอลลาร์
สำหรับ สินค้าส่งออกที่เติบโตคือ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องดื่ม ผักและผลไม้ แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อย่างไรก็ดีการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว 0.6% ส่วนสินค้าส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมหดตัว 6.7% โดยตลาดส่งออกขยายตัวได้ดีใน สหภาพยุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น และตลาด CLMV แต่การส่งออกไปจีนเริ่มอ่อนตัวลง
ส่วนการนำเข้าในเดือนกันยายน มีมูลค่า 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์ โต 9.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไทยเกินดุลการค้าที่ 487 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ หากรวม 9 เดือนแรกปี 61 การส่งออกมีมูลค่า 1.89 แสนล้านดอลลาร์ โต 8.1% การนำเข้ามีมูลค่า 1.87 แสนล้านดอลลาร์ฯ โต 15.2% และการค้าเกินดุล 2,839 ล้านดอลลาร์ฯ
"ส่งออกไทยไปจีนหดตัว 16.3% แต่สินค้าที่เราได้ผลบวกที่ส่งไปสหรัฐยังบวกเพียง 3.7% เราอยากให้สินค้าที่ส่งไปทดแทนสูงกว่านี้ เพื่อลดผลกระทบสงครามการค้า ทั้งนี้ยังยืนยันว่าเป้าหมายการส่งออกปีนี้ที่ 8% " นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
ทั้งนี้ การส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มเผชิญความท้าทายจากความผันผวนและปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความแน่นอน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย