- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 30 September 2018 14:44
- Hits: 3536
ภาคเอกชนแนะเร่งผลักดันด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวร หนุนการค้าชายแดนไทย-เมียนมา, ส่งเสริมท่องเที่ยว
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26-28 กันยายน 2561 กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน ได้จัดคณะผู้แทนลงพื้นที่เพื่อศึกษาดูงานและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนบริเวณด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และด่านมูด่อง ประเทศเมียนมา พร้อมทั้งเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน ณ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ซึ่งภาคเอกชนต้องการผลักดันให้ยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งจะสามารถส่งเสริมการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
ในระยะเวลา 8 เดือนแรกของปี 2561 ไทยทำการค้าชายแดนกับเมียนมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 127,825 ล้านบาท โดยพบว่าการค้าผ่านจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 135% มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ดังนั้นการเร่งผลักดันจุดผ่านแดนด่านสิงขรให้เป็นด่านการค้าถาวรจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการค้าชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา ด่านสิงขรเป็นด่านที่ไทยนำเข้าสินค้าประมงทางรถยนต์จากจังหวัดมะริด และการนำเข้ามีปริมาณเพิ่มขึ้น เพราะเดิมส่วนใหญ่ไทยนำเข้าสินค้าประมงทางเรือจากจังหวัดมะริดมาจังหวัดระนอง แต่เมียนมาต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประมงของ EU ทำให้เมียนมาต้องขนส่งทางรถยนต์มายังด่านมูด่องและด่านสิงขรของไทย โดยจากจังหวัดมะริดมาจังหวัดระนองใช้เวลา 18 ชม.(ทางเรือ) แต่ทางรถยนต์ถึงด่านสิงขรเพียง 6 ชม.เท่านั้น
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จังหวัดประจวบฯ และจังหวัดมะริดมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาอย่างยาวนานทั้งในด้านการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน ที่มีการจัดประชุมร่วมระดับท้องถิ่น การจัดมหกรรมเพื่อแสดงสินค้า ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการจัดการเจรจาธุรกิจร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งเมียนมายังได้เร่งรัดการสร้างเส้นทางคมนาคมเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคมระหว่างบ้านมูด่อง-จังหวัดมะริด ระยะทาง 180 กิโลเมตร และเหลือเพียง 6 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนธันวาคม 2561 สำหรับสะพานข้ามแม่น้ำตะนาวศรีจะแล้วเสร็จในปี 2562 โดยจังหวัดมะริดได้ขอให้ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เร่งผลักดันการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรเป็นด่านถาวรโดยเร็ว เพื่อให้การค้าชายแดนระหว่างกันเป็นไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากด่านศุลกากรมูด่องได้รับการยกระดับเป็นด่านถาวรมา 4 ปีแล้ว นอกจากนี้ฝ่ายเมียนมายังขอให้ฝ่ายไทยอำนวยความสะดวกตรงจุดตรวจปล่อยสินค้าบริเวณด่านชายแดน การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยสำหรับชาวเมียนมา เนื่องจากฝ่ายไทยยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา และเขตพื้นที่ที่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้
"กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งเสริมผลักดันการค้าชายแดนอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี FORM-D ซึ่งพบว่ายังมีผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้สิทธิ กรมฯ ร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ ขอให้ประชาสัมพันธ์การใช้สิทธิให้มากขึ้น สำหรับการปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้ามะพร้าว และปาล์มน้ำมัน กรมฯ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และกรมศุลกากร ได้ร่วมกันตรวจสอบ กวดขัน สร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ กรมฯ ยังคงดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านโดยส่งเสริมให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ขยายตัวอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และที่สำคัญคือต้อง "Stronger Together" นายอดุลย์ กล่าว
พาณิชย์ เผยการค้าชายแดน-ผ่านแดน 7 เดือนแรกปี 61 โต 7.14% มั่นใจช่วงที่เหลือยังขยายตัวต่อเนื่อง
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 7 เดือนแรกปี 2561 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 800,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.14% โดยเป็นการส่งออก 456,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.72% และการนำเข้า 343,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.03% แต่ยังเกินดุลการค้า 112,446 ล้านบาท แยกเป็นมูลค่าการค้าชายแดน 647,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.69% เป็นการส่งออก 379,576 ล้านบาท ลดลง 0.44% นำเข้า 267,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.93% เกินดุลการค้า 112,055 ล้านบาท และมูลค่าการค้าผ่านแดน 153,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.89% เป็นการส่งออก 76,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.87% นำเข้า 76,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.03% เกินดุลการค้า 391 ล้านบาท ทั้งนี้ถ้าคำนวณเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ พบการขยายตัวเพิ่มมากกว่าเพราะค่าเงินบาทแข็งขึ้นในช่วงต้นปี 2561
การค้าชายแดนแยกเป็นรายประเทศ พบว่าการค้ากับมาเลเซียยังคงนำเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 330,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.07% เป็นการส่งออก 173,364 ล้านบาท ลดลง 5.40% ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 124,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.96% เป็นการส่งออก 76,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.90% นำเข้า 48,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.10% เมียนมา มูลค่า 111,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.38% เป็นการส่งออก 63,665 ล้านบาท ลดลง 2.12% นำเข้ามูลค่า 48,195.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.15% และกัมพูชา มูลค่า 80,814.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.37% เป็นการส่งออก 66,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.58% นำเข้า 14,533 ล้านบาท ลดลง 8.46%
"มั่นใจว่า การค้าชายแดน 5 เดือนถัดจากนี้ ยังคงสดใสและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง" อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุ
นายอดุลย์ กล่าวว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อการค้าชายแดนและผ่านแดน ทำให้การค้าชะลอตัวลง ได้แก่ สปป.ลาวประสบปัญหาน้ำท่วมจากกรณีเขื่อนแตกในเมืองสนามไซ แขวงอัตตะปือ ทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนในหลายพื้นที่ ประกอบกับปัญหาลมมรสุมมีกำลังแรง ส่งผลทำให้มีฝนตกตลอดเวลา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เมียนมา สถานการณ์น้ำท่วมทางตะวันออกเฉียงเหนือยังไม่คลี่คลาย แม้ระดับน้ำท่วมเริ่มลดลงบ้างในบางพื้นที่ แต่ก็ยังมีการอพยพประชาชนไปอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว มาเลเซีย ยังคงมีปัจจัยเรื่องราคายางพาราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกในพื้นที่เพาะปลูกยาง ทำให้มีปริมาณยางออกสู่ตลาดน้อยลงและกัมพูชา
อินโฟเควสท์