- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 02 September 2018 10:02
- Hits: 2142
พาณิชย์ เผยคณะทำงานส่งเสริมการค้าอย่างไร้อุปสรรคไทย-จีน เร่งหาแนวทางเพิ่มมูลค่าการค้าสู่ 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2564 ตามที่ JC ตั้งเป้าไว้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน (JC) ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 โดยมีรองนายกรัฐมนตรีของไทย (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และมนตรีแห่งรัฐของจีน (นายหวัง หย่ง) เสร็จสิ้นลง และที่ประชุมได้ตกลงที่จะเพิ่มเป้าหมายการค้าของสองประเทศเป็น 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2564 จากเดิมที่เคยตั้งไว้ 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 รวมทั้งยังมีการลงนาม MOU ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน (นางเกา เยี่ยน) เพื่อจัดตั้ง Working Group on Promoting Unimpeded Trade between Thailand and China (คณะทำงานเพื่อส่งเสริมการค้าอย่างไร้อุปสรรค)
เมื่อวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2561 ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการค้าอย่างไร้อุปสรรค โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม) และรองอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศของจีน ( Mr. Liu Changyu) เป็นประธานร่วม ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ที่ประชุมคณะทำงาน ได้หารือแนวทางเพื่อขยายการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2564 ตามที่ JC ครั้งที่ 6 ได้ตั้งเป้าไว้ โดยเห็นว่าแนวทางที่ควรจะร่วมกันดำเนินการเพื่อเพิ่มมูลการค้า จาก 73,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2560 ให้บรรลุเป้าหมาย 2 เท่า ใน 4 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย การเร่งขยายความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าผักผลไม้ อาหาร และสินค้าฮาลาล โดยไทยได้ขอให้จีนอำนวยความสะดวกสินค้าผัก และผลไม้ของไทยเข้าสู่ตลาดจีน เพิ่มเติมจากตลาดเมืองหลักในปัจจุบัน เช่น เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง กว่างโจว ให้ขยายไปเมืองใหม่ๆ มลฑลใหม่ๆ เช่น เฉิงตู ฉงชิง ซีอาน ซินเจียง ชิงต่าว เป็นต้นรวมทั้งขอให้จีนอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการไทยให้สามารถเข้าถึงข้อมูล กฎระเบียบทางการค้าของจีน ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลระดับมณฑล เนื่องจากมณฑลต่างๆ ของจีนยังมีการกำหนดกฎระเบียบทางการค้าที่ต่างกันไป และเพิ่มเติมจากข้อกำหนดของรัฐบาลกลาง
นางอรมน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทั้งสองฝ่ายยังหารือเรื่องการส่งเสริมให้เอกชนไทยและจีนเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โดยจีนได้เชิญไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้านำเข้า China International Import Expo ที่เซี่ยงไฮ้ โดยจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านำเข้าครั้งใหญ่ตามนโยบายของประธานาธิบดีจีนที่สนับสนุนให้เพิ่มการนำเข้า นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องการแก้ไขอุปสรรคทางการค้า โดยไทยได้ขอให้จีนเร่งรัดเดินทางมาตรวจโรงงานข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ไทยได้ยื่นขอให้ตรวจสอบไว้ และยังเหลือค้างอยู่อีก 54 ราย (จากที่จีนได้ตรวจขึ้นทะเบียนให้ไทยแล้ว 49 โรงงาน) เพื่อให้โรงสีข้าวไทยที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน และผ่านการตรวจสอบ มีโอกาสส่งออกไปจีนได้
นางอรมน เสริมว่า ในการประชุมครั้งนี้ ไทยได้ขอให้จีนอนุญาตให้นำเข้ารังนกแดงจากไทย ซึ่งกรมปศุสัตว์ของไทยได้ทำการตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อการบริโภค เพิ่มเติมจากที่จีนให้นำเข้ารังนกขาวจากไทย ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือ เพื่อหาแนวทางป้องกัน ไม่ให้มีการนำชื่อสามัญไปจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยไทยได้ยกตัวอย่างกรณีมีผู้ประกอบการจีนนำชื่อหมอนทอง ซึ่งเป็นชื่อสามัญ ไปขอจดเครื่องหมายการค้าในจีน ฝ่ายไทยได้ขอให้จีนปฏิเสธ และไม่รับจดชื่อดังกล่าวเป็นเครื่องหมายการค้า เพื่อปฏิบัติตามหลักการสากลของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาโลก
ในโอกาสนี้ ไทยยังได้ขอให้จีนเร่งรัดพิจารณาขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย 3 รายการ คือ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง มะขามหวานเพชรบูรณ์ และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ได้ยื่นขอไว้แล้วด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยจีนเป็นทั้งตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ในขณะที่ไทยเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 15 และเป็นตลาดนำเข้าลำดับที่ 10 ของจีน ในปี 2560 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 73,670.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 11.9% และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 การค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 39,395.63 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 12.97 %
Click Donate Support Web