- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 28 July 2018 22:38
- Hits: 7424
พาณิชย์ ชี้ช่องขยายตลาดอัญมณี-เครื่องประดับของไทยในสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจีนที่ถูกจ่อขึ้นภาษีนำเข้า
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานว่าอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีของไทย มีแนวโน้มที่จะได้รับอานิสงส์อย่างมากจากการออกนโยบายกีดกันทางการค้าและการตอบโต้กันของประเทศคู่ค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 6,031 รายการในอัตรา 10% และมีหมวดสินค้าเครื่องประดับของจีนติดในบัญชีดังกล่าวด้วย 56 รายการ
ทั้งนี้ ในปี 2560 สหรัฐนำเข้าสินค้าเครื่องประดับอัญมณี และกล่องใส่เครื่องประดับจากจีน รวมเป็นมูลค่า 3,144.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อน 5.39% แยกเป็นเครื่องประดับและแฟชั่น 2,510.22 ล้านเหรียญสหรัฐ อัญมณีและลูกปัดแก้ว 314.47 ล้านเหรียญสหรัฐ วัตถุดิบและอื่นๆ 289.94 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยในการทำตลาดสินค้าประเภทเครื่องประดับและอัญมณี เพื่อทดแทนที่สหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้าดังกล่าว เพราะสินค้ากลุ่มเครื่องประดับและอัญมณีของไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาดทั่วโลกอยู่แล้ว
"สหรัฐฯ นำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีจากจีน 3,114.63 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าสินค้าจีนที่จะเข้าข่ายต้องเสียภาษีเพิ่ม 10% เช่น โลหะมีค่ายังไม่ขึ้นรูปชนิดต่างๆ มูลค่า 166.83 ล้านเหรียญสหรัฐ กล่องใส่เครื่องประดับ 105.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ลูกปัดแก้ว 37.04 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทั้ง 3 รายการจะมีมูลค่า 309.36 ล้านเหรียญสหรัฐ"นางจันทิรา กล่าว
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่เข้าข่ายจะถูกขึ้นภาษีคิดเป็น 9.93% ของมูลค่าที่สหรัฐนำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีจีนทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 90.69% เช่น เครื่องประดับมีค่า เครื่องประดับแฟชั่นและอัญมณีอื่นๆ ยังถูกยกเว้นภาษีนำเข้าอยู่ ซึ่งทูตพาณิชย์ในสหรัฐจะติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป
นางจันทิรา กล่าวต่อว่า ในส่วนของสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีไทยที่สหรัฐฯ นำเข้าในปี 2560 มีมูลค่า 1,289.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อน 24% โดยมูลค่าจะน้อยกว่าสินค้าจากจีนประมาณเท่าตัว ดังนั้นสินค้าเครื่องประดับไทยที่มีโอกาสเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจากจีนมากที่สุด น่าจะเป็นสินค้ากล่องใส่เครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าไทยที่มีศักยภาพมาก
โดยในปี 2560 ไทยส่งออกสินค้ากล่องใส่เครื่องประดับไปยังสหรัฐฯ มูลค่า 2.44 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนส่งออกกล่องใส่เครื่องประดับไปสหรัฐฯ มูลค่า 105.49 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อสินค้านำเข้าจากจีนต้องเสียภาษีเพิ่ม 10% ก็จะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมการผลิตกล่องใส่เครื่องประดับไทยที่จะได้รับอานิสงส์อย่างมากในอนาคต
"กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อยากให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เตรียมความพร้อมเพื่อเร่งขยายตลาดในสหรัฐฯ หลังสินค้าจีนถูกปรับขึ้นภาษี ส่วนสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของจีนชนิดอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกปรับขึ้นภาษี เช่น เครื่องประดับมีค่า และเครื่องประดับแฟชั่น แม้ว่าจะไปชิงตลาดในส่วนนี้ของจีนได้ลำบาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะค่อยๆ พัฒนาสินค้า เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น" อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการสินค้าของไทยให้ความสำคัญเรื่องของมาตรฐาน คุณภาพ การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่า รวมถึงเทรนด์ของตลาดที่ต้องการเข้าไปทำการค้า เมื่อรวมกับฝีมือความละเอียดประณีต ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงานของไทย ก็จะเป็นจุดดึงดูดและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ช่วยขยายโอกาสการค้า และส่วนแบ่งทางการตลาดในต่างประเทศให้กับสินค้าของไทยได้อย่างแน่นอน
อินโฟเควสท์