WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Ironวกรม วชระคปตกลุ่มเหล็ก หนุนพาณิชย์แก้กม.ทุ่มตลาด ช่วยแข่งขันเป็นธรรม-มั่นใจเหล็กไม่ขาด

     นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่มีกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าเหล็กออกมาเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ ชะลอการแก้ไขพระราชบัญญัติตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ ที่กำหนดให้เพิ่มเติมบทบัญญัติเรื่องการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า (Anti Circumvention : AC) โดยกังวลว่าจะทำให้เกิดการฮั้วราคาของผู้ผลิตในประเทศและทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระซื้อสินค้าเหล็กราคาแพงขึ้น รวมทั้งอาจเกิดภาวะขาดแคลนสินค้าเหล็กในประเทศนั้น เห็นว่าการเพิ่มเติมบทบัญญัติเรื่องการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า จะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

      ทั้งนี้ ไม่เพียงเฉพาะสินค้าเหล็กเท่านั้นแต่บังคับใช้กับสินค้าทุกประเภทที่ผู้ส่งออกต่างประเทศมีพฤติกรรมส่งออกสินค้าเข้ามาทุ่มตลาด โดยมีเจตนาหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า เป็นกฎหมายสากลที่มีการบังคับใช้แพร่หลายทั่วโลก เพื่อช่วยปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศจากการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสหรัฐฯและ สหภาพยุโรป ที่มีการบังคับใช้กฎหมายนี้มานานแล้ว

   สำหรับ กรณีที่ผู้นำเข้าเหล็กมีความกังวลว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการเปิดช่องให้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศกำหนดราคาได้ตามอำเภอใจนั้น ในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยาก เพราะสินค้าเหล็กเป็นสินค้าควบคุมที่มีการตรวจติดตามอย่างเข้มงวดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ทำให้การจำหน่ายสินค้าต้องสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต อีกทั้งยังมี พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ที่มีการควบคุมและป้องกันการผูกขาดการค้าที่ไม่เป็นธรรมของผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการค้าที่เท่าเทียมกันในประเทศ

       นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย (ISIT) กล่าวว่า ผู้ส่งออกเหล็กต่างประเทศอาศัยช่องว่างของกฏหมายมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติในเรื่องมาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทุ่มตลาด ด้วยใช้วิธีการต่างๆ เช่น การเคลือบสีอย่างหยาบ การเจือธาตุอัลลอยด์เพียงเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนพิกัดศุลกากร หรือการนำเหล็กหน้ากว้างที่ไม่อยู่ในขอบข่ายที่ถูกเรียกเก็บอากรทุ่มตลาดมาตัดแผ่น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นอกจากจะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศแล้ว ยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเรียกเก็บอากรทุ่มตลาดอีกด้วย ดังนั้น จึงอยากขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งออกฏหมายตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้าโดยเร่งด่วน

       สำหรับ ข้อกังวลของผู้นำเข้าว่าจะเกิดการขาดแคลนสินค้าเหล็กในประเทศหากมีการบังคับใช้กฎหมายตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการการค้านั้น ขอยืนยันว่าจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตเหล็กทรงยาวและทรงแบนรวมกันประมาณ 20 ล้านตัน แต่มีการใช้อัตรากำลังการผลิตเพียง 30-40% เท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่ามีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน นอกจากนี้ในการบังคับใช้มาตรการทางการค้าโดยปกติจะมีการยกเว้นการบังคับใช้สำหรับสินค้าเหล็กคุณภาพสูงที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศรวมถึงสินค้าเหล็กที่นำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออกอยู่แล้ว

      ด้านนายพงศ์เทพ เทพบางจาก นายกสมาคมเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี กล่าวว่า ปัจจุบันการบังคับมาตรการทางการค้าที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเอดี เซฟการ์ด ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ยังมีช่องโหว่ให้ผู้นำเข้าหลบเลี่ยงภาษี เนื่องจากยังไม่มีบทบัญญัติในเรื่อง Anti-Circumvention ในพ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนฯ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ มีโอกาสสูงที่ผู้ส่งออกต่างประเทศที่ขายไปสหรัฐไม่ได้หลังจากสหรัฐประกาศใช้มาตรา 232 ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเหล็ก 25% จะระบายสินค้าของมายังประเทศไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะมีการนำเข้าเหล็กที่มีเจตนาหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้าเข้ามามากขึ้นด้วย

      "ที่ผ่านมาผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีเคยเจอกรณีที่กรมศุลกากรตรวจพบการหลบเลี่ยงอากรทุ่มตลาดของเหล็กแผ่นเคลือบอลูมิเนียมผสมสังกะสี ที่สำแดงศุลกากรพิกัดเท็จเข้ามาเป็นเหล็กเคลือบสังกะสี และตอนนี้ทราบข่าวว่าเริ่มมีการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเคลือบสังกะสี แต่สำแดงพิกัดศุลกากรเป็นเหล็กรีดเย็นเคลือบสังกะสี เข้ามาจำนวนมากด้วย"นายพงศ์เทพ กล่าว

       อินโฟเควสท์

สมอ.ยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กเส้นดีเดย์ 18 มิ.ย.ตีตรามาตรฐานเพิ่มเชื่อมั่นผู้บริโภค

     นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานเหล็กเส้นก่อสร้างใหม่ จากเดิมเหล็กเส้นกลม มอก. ที่ 20-2543 และเหล็กข้ออ้อย มอก. ที่ 24-2548 เป็น เหล็กเส้นกลม มอก. ที่ 20-2559 และเหล็กข้ออ้อย มอก.ที่ 24-2559 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 มิ.ย.61

    ดังนั้น ทางสภาอุตสาหกรรมและสมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า มีความเห็นตรงกันว่า ควรจะเผยแพร่เนื้อหาและสาระสำคัญ ของมาตรฐานเหล็กเส้นก่อสร้างฉบับใหม่ โดยจะเน้นการยกมาตรฐานคุณภาพเหล็กให้สูงขึ้น ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้และเข้าใจ เพิ่มความมั่นใจในการเลือกใช้เหล็กเส้นก่อสร้าง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

       สำหรับ เนื้อหาสำคัญที่ได้เพิ่มเติมประกอบด้วย 1.เพิ่มการตรวจสอบและควบคุมค่าเคมีในเนื้อเหล็กอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มค่าเคมีที่ต้องตรวจสอบและควบคุมจาก 5 ชนิดเป็น 19 ชนิด 2.เพิ่มชื่อผู้นำเข้าเหล็กเส้นก่อสร้างเป็นตัวนูนลงบนเนื้อเหล็ก เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อกับโรงงานผู้ผลิตที่อยู่ในต่างประเทศ ในกรณีที่เกิดปัญหาในการใช้งาน และ 3.บังคับให้ผู้ผลิตแสดงชนิดของเตาหลอมที่ใช้ในการหลอมเหล็กเป็นตัวนูนเพิ่มลงไปบนเนื้อเหล็กทุกเส้น โดยที่ปัจจุบันมีเตาหลอมอยู่ 4 ชนิดได้แก่ OH, BO, EF และ IF

      โดย เตา OH กับ BO จะเป็นเตาหลอมที่ไม่มีในประเทศไทย ซึ่งเหล็กเส้นที่แสดงสัญลักษณ์เหล่านี้ จะเป็นเหล็กที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งในรูปของสินค้าสำเร็จรูป หรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่เรียกว่าเหล็กแท่ง (Billet) ซึ่งจะต้องนำมาผ่านกระบวนการรีดลดขนาดเพื่อเป็นเหล็กเส้นก่อสร้างต่อไป

      ส่วนเตา IF เป็นเตาที่เพิ่มเข้ามาในมาตรฐานฉบับนี้ เป็นเตาที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการเหนี่ยวนำ เพื่อหลอมเหล็ก

      ขณะที่เตา EF เป็นเตาหลอมที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตเหล็กมาตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่มาตรฐานฉบับใหม่ บังคับให้ผู้ผลิตแสดงเตาหลอมที่ใช้เป็นตัวนูนเพิ่มขึ้นมาในเนื้อเหล็กเท่านั้น ดังนั้นผู้บริโภคที่เลือกใช้เหล็กเส้นก่อสร้างที่มีตัวนูน EF มั่นใจได้ว่าจะได้เหล็กเส้นก่อสร้างที่มีคุณภาพดีดังเดิมที่เคยใช้อยู่ ซึ่งข้อดีของเตา EF ที่ต่างจากเตาอื่นๆ คือเตาชนิดนี้สามารถขจัดสารปนเปื้อนในเนื้อเหล็กได้ สามารถควบคุมค่าเคมีที่ส่งผลต่อคุณภาพและความแข็งแรงของเหล็กได้ดี เป็นเตาหลอมที่มีการปล่อยมลพิษน้อยกว่า รวมถึงใช้พลังงานในการหลอมน้อยกว่าเตาบางชนิด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด ทำให้เป็นเตาหลอมที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

        ค่าเคมีในเนื้อเหล็กก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เหล็กที่ผลิตออกมามีคุณภาพหรือด้อยคุณภาพ ใน มอก. ฉบับเดิมนั้นทาง สมอ. ได้กำหนดค่าเคมีที่ต้องควบคุมไว้เพียง 5 ชนิดเท่านั้น ซึ่ง มอก. ฉบับใหม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพของเหล็กมากขึ้นและคำนึงถึงควมปลอดภัยของผู้บริโภค จึงได้เพิ่มค่าเคมีที่ต้องควบคุมเพิ่มเติมอีก 14 ชนิด รวมเป็น 19 ชนิด โดยค่าเคมีที่กำหนดเหล่านี้จะถูกควบคุมไม่ให้มีมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของเหล็ก และความปลอดภัยของผู้บริโภค อาทิเช่น การมีฟอสฟอรัสในปริมาณสูงจะทำให้เหล็กเกิดรอยแตกได้ง่าย กำมะถันสูงจะทำให้เหล็กมีความเหนียวต่ำและเปราะหักง่าย หรือโบรอนสูงจะทำให้เหล็กขาดความแกร่งเกิดรอยแตกได้ง่าย เป็นต้น

      นายชัยเฉลิม อุปนายกสมาคมฯ อธิบายต่อว่า ในการผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างโดยทั่วไป ไม่ว่าจะใช้เตาหลอมชนิดใด จะใช้เศษเหล็กเป็นวัตถุดิบ ซึ่งเศษเหล็กมักจะมีสารมลพิษเจือปนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฟอสฟอรัส, กำมะถัน, โบรอน ฯลฯ ที่ส่งผลต่อคุณภาพและความแข็งแรงของเหล็กเส้นดังที่กล่าวมา ซึ่งในการหลอมเหล็กด้วยเตา EF ของกลุ่มสมาคม จะมีกระบวนการในการขจัดสารมลพิษเหล่านี้ออกไป ทำให้เหล็กที่ผลิตออกมามีความสะอาดขึ้น เนื้อเหล็กแน่น จะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจมากยิ่งขึ้นในเรื่องคุณภาพ ตามมาตรฐานใหม่

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!