- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 11 September 2014 11:43
- Hits: 2588
พาณิชย์ เข้ม!จัดระเบียบผู้ค้างาช้าง ลงพื้นที่ทำความเข้าใจพร้อมจับขึ้นทะเบียน
ไทยโพสต์ : ปัญหาการค้างาช้าง กำลังเป็นปัญหาสำหรับประเทศไทย และเรื่องนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยล่าสุดน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปหามาตรการและแนวทางในการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้
การดำเนินของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำการเร่งจัดระเบียบผู้ค้างาช้างในประเทศไทยให้เป็นระบบ พร้อมกับดำเนินการขึ้นทะเบียนบัญชีผู้ค้างาช้างของไทยให้เป็นปัจจุบันที่สุด หลังพบว่าไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศ ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบค้างาช้างและนอแรดแบบผิดกฎหมาย รวมทั้ง เป็นแหล่งค้างาช้างที่สำคัญระดับโลก
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และมองว่าเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องเร่งแก้ไข จึงได้ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมลงพื้นที่ค้างาช้างสำคัญทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ประกอบการค้างาช้างทำการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการค้างาช้างในพื้นที่ด้วย
"เบื้องต้น เตรียมลงพื้นที่นำร่องในเขต ได้แก่ ตลาดนัดสวนจตุจักร และท่าพระจันทร์ เป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้ประกอบการค้างาช้างเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น จะทยอยลงพื้นที่ในเขตอื่นๆ และในส่วนภูมิภาคต่อไป"
ทั้งนี้ กรมฯ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ประกอบการค้างาช้างที่ไม่จดทะเบียนพาณิชย์ และไม่จัดทำบัญชีให้ถูกต้อง เพราะตาม พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 กำหนด ให้ผู้ประกอบการค้าเกี่ยวกับงาช้าง ได้แก่ โรงงานแปรสภาพ แกะสลัก และการทำหัตถกรรมจากงาช้าง การค้าปลีก การค้าส่งงาช้าง และผลิตภัณฑ์จากงาช้าง ต้องทำการจดทะเบียนพาณิชย์ ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ และตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ. 2543 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับงาช้างทั้งบุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีให้ถูกต้อง โดยผู้ประกอบการค้างาช้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกดำเนินคดีพร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (ไซเตส) กำหนดให้'ช้าง'เป็นสัตว์ป่าที่ถูกควบคุมในบัญชีหมายเลข 1 เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ ห้ามค้าในเชิงพาณิชย์ เว้นแต่ทำการศึกษาวิจัย เพาะพันธุ์ การส่งออกจะต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่นำเข้าเสียก่อน
ดังนั้น การที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องเฝ้าจับตาเป็นพิเศษ 1 ใน 8 ประเทศว่ามีส่วนต่อขบวนการค้างาช้าง และลักลอบขายงาช้างผิดกฎหมาย รวมถึงไม่มีผลงานในเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายในการควบคุมการลักลอบค้างาช้างอย่างเข้มงวด อาจทำให้ประเทศไทยถูกนานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าสินค้าเชิงพาณิชย์ทุกประเภทที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส เช่น กล้วยไม้ หนังสัตว์เลื้อยคลานและหนังฟอก (หนังงูและหนังจระเข้) ไม้หายาก เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลกระทบในภาพรวมต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าของไทยในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ไซเตสกำหนดเส้นตายให้ไทยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2558 มิฉะนั้นจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือ การคว่ำบาตรสินค้าของไทย
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในปี 2556 ไทยมีการส่งออกสินค้าเชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส มูลค่า 3,318 ล้านบาท (103.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลงจากปี 2555 จำนวน 22 ล้านบาท (0.70 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 0.67 โดยสินค้าที่ส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.กล้วยไม้ 2.หนังสัตว์เลื้อยคลาน (รวมหนังงูและหนังจระเข้) และ 3.หนังฟอก ที่จัดทำเพิ่มเติมภายหลังการฟอกหรือครัสติ้ง
นอกจากนี้ มีการนำเข้าสินค้าเชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส มูลค่า 450 ล้านบาท (14.06 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 161 ล้านบาท (5.02 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 55.53 โดยสินค้า ที่นำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.หนังสัตว์เลื้อยคลาน (รวมหนังงูและหนังจระเข้) 2.คาเวียร์ (ไข่ปลา) และ 3.พืชมีชีวิตอื่นๆ กิ่งชำ กิ่งตอน และส่าเห็ด (รากเล็บครุฑ ตัวสับปะรดสี เมล็ดกระบองเพชร โป๊ยเซียน พืชกินแมลง)
ในปี 2556 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตสมากกว่าการนำเข้าสินค้า จำนวน 2,868 ล้านบาท (89.64 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลงจากปี 2555 จำนวน 183 ล้านบาท (5.72 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 6.00