WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

จ่อผุดมาตรการดันส่งออก พณ.เปิดประมูลข้าวอีก 1.39 แสนตัน 12 ก.ย.นี้

      บ้านเมือง : น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับครึ่งปีแรกส่งออกได้กว่า 105,000 ล้านบาท ขยายตัว 15.37% แสดงถึงศักยภาพของ ผู้ประกอบการอัญมณีไทย ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นประตูแห่งการค้าอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ตามเป้าหมายได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะหามาตรการช่วยเหลือภาคการส่งออก ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมอัญมณีจะเร่งจัดหาวัตถุดิบการผลักดันตลาดใหม่ๆ เจรจากับคู่ค้า โดยเชื่อว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%

     ส่วนเป้าหมายการส่งออกปี 2557 ยอมรับว่า อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่จะขยายตัว 3.5% ซึ่งยังมีหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศที่กระทบภาคการส่งออก โดยจะมีการประชุมร่วมกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันการส่งออกต่อไป

     ด้านนายสมชาย พรจินดารักษ์ นายกสมาคมอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า จากแนวโน้มการส่งออกอัญมณียังเติบโตได้ดี คาดว่าปี 2557 จะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 400,000 ล้านบาท ขยายตัว 6-7% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่งออกมูลค่า 330,000 ล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2559-2560 แนวโน้มการส่งออกอัญมณีจะเติบโตสูงขึ้น เพราะไทยเป็นประเทศผู้นำด้านอัญมณี

    และเอกชนไทยเข้าใจการทำธุรกิจในรูปแบบค้าส่ง B/B โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอัญมณีไม่ได้อยู่ในขอบข่ายการจัดเก็บภาษีมรดก จึงเหมาะแก่การซื้ออัญมณีไว้เป็นมรดกและสะสมไว้ให้ลูกหลาน เพราะเป็นสินค้าแนวโน้มราคาสูงขึ้น เช่น ทองคำ หรือเพชร พลอย เพราะเป็นวัตถุดิบไม่มีเกิดขึ้นใหม่

    โดยที่ผ่านมามีปัญหาทางการเมือง แต่สมาคมฯ ไม่ได้เลื่อนการจัดงาน เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่น ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองกลับสู่ภาวะปกติแล้ว จึงเชื่อมั่นว่าจะมีนักลงทุน ประชาชนผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก เพราะการนำอัญมณีเข้ามาร่วมจัดงานยังได้รับสิทธิการยกเว้นอากรนำเข้าร้อยละ 20 ของมูลค่า สำหรับการจัดแสดงและขายในงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300,000 คน สร้างมูลค่าการซื้อขายภายในงาน 40,000 ล้านบาท

                รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในวันที่ 9 กันยายนนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะชี้แจงรายละเอียดการเปิดประมูลข้าวรอบ 2/2557 กับผู้ประกอบการที่สนใจ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการยื่นเสนอราคาซื้อข้าวในสต๊อกรัฐในวันที่ 12 กันยายนนี้ ปริมาณทั้งสิ้น 139,675 ตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าวเหนียวเอวัน และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ โครงการนาปี ฤดูการผลิต ปี 2554/55 นาปรัง 2555 ปีการผลิต 2555/56 (รอบ 1) (รอบ2) และ 2556/2557 แบบรายคลังและ/หรือรายกอง ในคลังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) โดยกำหนดยื่นนั้นในวันเดียวกันก็จะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติและเปิดซอง

    น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมฯ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งจัดระเบียบผู้ค้างาช้างในประเทศไทยให้เป็นระบบ พร้อมดำเนินการขึ้นทะเบียนบัญชีผู้ค้างาช้างของไทยให้เป็นปัจจุบันที่สุด หลังพบว่าไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่ถูกจับตาเป็นพิเศษเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบค้างาช้างและนอแรดแบบผิดกฎหมาย รวมทั้งเป็นแหล่งค้างาช้างที่สำคัญระดับโลก

    "กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และมองว่าเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องเร่งแก้ไข จึงได้ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมลงพื้นที่ค้างาช้างสำคัญทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ประกอบการค้างาช้างทำการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการค้างาช้างในพื้นที่ด้วย"

    ในเบื้องต้น เตรียมลงพื้นที่นำร่องในเขต ได้แก่ ตลาดนัดสวนจตุจักร และท่าพระจันทร์ เป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้ประกอบการค้างาช้างเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นจะทยอยลงพื้นที่ในเขต อื่นๆ และในส่วนภูมิภาคต่อไป

คงเงื่อนไขเดิมประมูลข้าวสต็อก

    ไทยโพสต์ : นนทบุรี * พาณิชย์คงเงื่อนไขเดิมประมูลข้าวล็อต 2 แต่ปรับให้เอื้อรายเล็กมากขึ้น มั่นใจขายได้หมด ยันร่วมชิงเค้กข้าวฟิลิปปินส์ แม้ต้องสู้กับเวียดนาม ขายอินโด นีเซียเพิ่ม 1.75 แสนตัน

    เมื่อวันที่ 9 ก.ย. กรมการค้าต่างประเทศเปิดชี้แจงเงื่อนไขการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐ ครั้งที่ 2/2557 ปริมาณรวม 139,675 ตัน มีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวนมากเข้าร่วมฟังการชี้แจง และดูตัวอย่างข้าวจากคลังที่เปิดประมูลจำนวน 31 คลัง จาก 21 จังหวัด

   นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เงื่อนไขการระบายข้าวครั้งนี้ส่วนใหญ่ยังคงเดิม แต่ได้ปรับปรุงเงื่อนไขบางส่วนเพื่อ ให้เกิดความคล่องตัวต่อผู้ยื่นประ มูล ทั้งการนำเรื่องการปรับปรุงคุณภาพข้าว การขนส่ง และสภาพข้าว มาพิจารณา เพื่อกำหนดราคาขายขั้นต่ำ (Floor Price) และยังได้ปรับเงื่อนไขเพื่อเอื้อต่อผู้ร่วมประมูลรายย่อย เช่น ให้ยื่นหลักประกัน เป็นหนังสือค้ำประกัน ตั๋วเงิน หรือเช็คธนา คาร ที่ออกโดยธนาคารที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ จากเดิมกำหนดแค่ธนาคารในกรุงเทพฯ เท่านั้น รวมทั้งขยายระยะเวลารับมอบและขนย้ายเป็น 20 วัน จากเดิม 14 วัน

    ส่วนการเปิดประมูลครั้งนี้ ไม่มีข้าวขาว 5% เพราะผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวยังไม่ครบถ้วน และมั่นใจว่าจะสามารถขายได้ทั้งหมด เพราะเงื่อนไขประมูลมีความชัดเจน

    สำหรับ การขายข้าวของรัฐบาล ล่าสุดได้ส่งหนังสือเพื่อร่วมเสนอราคาขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ปริมาณ 5 แสนตัน เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้รับแจ้งในวันถัดมาว่าการประมูลขอเลื่อนออกไปก่อน คาดว่าจะเป็นวันที่ 15 ก.ย.นี้ ซึ่งกรมพร้อมจะเข้าร่วมแข่งขันเสนอราคา แม้จะมีเงื่อนไขต้องส่งมอบสินค้าถึงหน้าโกดัง และยังต้องแข่งขันกับเวียดนามก็ตาม

    ส่วนการขายข้าวให้อินโด นีเซีย 1.75 แสนตัน เป็นข้าว 5% และข้าว 15% กำหนดเป็นข้าวใหม่นั้น จะใช้ข้าวจากท้องตลาด 1.5 แสนตัน ที่เหลือเป็นข้าวในสต็อกรัฐที่มีอยู่ กำหนดส่งมอบให้เสร็จภายในเดือน พ.ย. 2557.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!