WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCอดลย โชตนสากรณAPi ดันผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรมข้าวขายช่องทางออนไลน์ Tmall.com

      นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม (APi) ได้นำผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เกษตรนวัตกรรมข้าวในเครือข่ายกว่า 43 บริษัท ร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ Thai Flagship Store Business Matching ระหว่างผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรมกับ Tmall.com บริษัทในเครือ Alibaba Group ซึ่งเป็นเว็บไซต์ออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากข้าวขยายสู่ตลาดออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลก

      สินค้ากลุ่มดังกล่าวมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ซีเรียลข้าวสังข์หยด ผงชงข้าวพร้อมดื่ม กาแฟข้าวสังข์หยด วาฟเฟิลข้าว ซีเรียลข้าวน้ำนม และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เช่น คุชชั่นจากข้าว แชมพูสารสกัดจากข้าวสังข์หยด เซรั่มจากข้าว และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงจากข้าว เป็นต้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีความร่วมมือกับ Alibaba Group เพื่อส่งเสริมสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยผ่านช่องทางออนไลน์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเปิด Thai Rice Flagship Store บน Tmall.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์ E-Commerce ขนาดใหญ่ของประเทศจีน

      อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า Tmall.com แสดงความสนใจสินค้าเกษตรนวัตกรรมข้าวไทยอย่างมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ซีเรียลข้าว ผงชงข้าวพร้อมดื่ม แชมพูสารสกัดจากข้าว และคาดว่ามีผู้ประกอบการจำนวนหลายรายที่จะได้รับการคัดเลือกไปจำหน่ายบนเว็บไซต์ Tmall.com เนื่องจากเป็นสินค้าที่อยู่ในความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นการขยายช่องทางการค้า และเป็นการขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยในตลาด E-Commerce ในสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกไปจีนได้หลายร้อยล้านบาท

      APi มีแผนการส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) การนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน BIOFACH Southeast Asia 2018 & NATURAL EXPO Southeast Asia 2018 รวมทั้ง มีแผนจัดหาช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมที่หลากหลายให้ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

                อินโฟเควสท์

พาณิชย์ เปิดประมูลข้าว ที่ไม่ใช่การบริโภคของคน 2 รอบ ปริมาณรวมกว่า 2 ล้านตัน

  พาณิชย์ เปิดประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 1.49 ล้านตัน และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่1/2561 ปริมาณ 0.54 ล้านตัน ชี้แจงเงื่อนไขการประมูล  

   นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 รองประธานกรรมการ นบข. (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) รับคำสั่งประธานกรรมการ นบข. (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้เห็นชอบการออกประกาศเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ปริมาณ 1.49 ล้านตัน และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ปริมาณ 0.54 ล้านตัน ตามแผนการระบายที่คณะกรรมการ นบข. เห็นชอบซึ่งคณะทำงานฯ ได้ออกประกาศ เรื่อง การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 และการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 (TOR) ที่ยังคงสาระสำคัญและเงื่อนไขการประมูลเช่นเดียวกับการเปิดประมูลข้าวที่ผ่านมา ซึ่งหากปรากฏภายหลังว่าผู้เสนอซื้อรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่ประกาศกำหนดจะถือว่าผู้เสนอซื้อรายนั้นขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น และไม่สามารถยื่นเสนอซื้อข้าวในสต็อกของรัฐได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1. การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561

  ปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 1.49 ล้านตัน จำนวน 91 คลัง ใน 19 จังหวัด เป็นคลังของ อคส. จำนวน 64 คลัง ปริมาณ 1.13 ล้านตัน และเป็นคลังของ อ.ต.ก. จำนวน 27 คลัง ปริมาณ 0.36 ล้านตัน

       ประกอบด้วยข้าว 14 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100 % ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด และปลายข้าว A1 เลิศ

     คุณสมบัติผู้เสนอซื้อ เป็นนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่มิใช่เพื่อการบริโภคของคน

   เปิดให้ผู้สนใจเข้าดูสภาพข้าวในคลังสินค้า วันที่ 4 – 8 มิถุนายน 2561 เวลา 09.00 – 16.00 น.

   กำหนดวัน เวลา และสถานที่ยื่นซอง ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารกองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ

   ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ วันที่ 11 มิถุนายน 2561 เวลา 09.00 – 12.00 น.

   - ประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วน วันที่ 14 มิถุนายน 2561 เวลา 09.00 น. ตั้งแต่ เวลา 09.00 ถึง 12.00 น. ยื่นซองเสนอซื้อ

   ตั้งแต่ เวลา 12.30 น. เปิดซองเสนอซื้อต่อหน้าสาธารณชน และสื่อมวลชน

  2. การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561

   ปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 0.54 ล้านตัน จำนวน 80 คลัง ใน 27 จังหวัด เป็นคลังของ อคส. จำนวน 61 คลัง ปริมาณ 0.44 ล้านตัน และเป็นคลังของ อ.ต.ก. จำนวน 19 คลัง ปริมาณ 0.10 ล้านตัน

   ประกอบด้วยข้าว 15 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100 % ชั้น 2 ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว A1

   คุณสมบัติผู้เสนอซื้อ เป็นนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่มิใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์

   เปิดให้ผู้สนใจเข้าดูสภาพข้าวในคลังสินค้า วันที่ 4 – 8 มิถุนายน 2561 เวลา 09.00 – 16.00 น.

   กำหนดวัน เวลา และสถานที่ยื่นซอง ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารกองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ

   - ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ วันที่ 11 มิถุนายน 2561 เวลา 13.00 – 16.00 น.

   - ประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วน วันที่ 15 มิถุนายน 2561 เวลา 09.00 น. ตั้งแต่ เวลา 09.00 ถึง 12.00 น. ยื่นซองเสนอซื้อ ตั้งแต่ เวลา 12.30 น. เปิดซองเสนอซื้อต่อหน้าสาธารณชน และสื่อมวลชน

   ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 และการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 ได้เพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

 

ไทยส่งหนังสือทวงรัฐบาลจีนซื้อข้าวจีทูจีตามสัญญาหลังไฮสปีดไทย-จีนคืบไปมาก

     นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ทำหนังสือถึง National Development and Reform Commission (NDRC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เจรจากับฝ่ายไทยในเรื่องการก่อสร้างรถไฟและนำเข้าสินค้าเกษตรของรัฐบาลจีน เพื่อให้เซ็นสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยอีก 1 ล้านตันภายในปีนี้ หลังจากรัฐบาลนี้ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลจีนซื้อข้าวจากไทยแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 2 ล้านตัน และได้ทำสัญญาซื้อขายกันไปแล้ว 1 ล้านตัน ยังเหลืออีก 1 ล้านตัน เพราะขณะนี้โครงการความร่วมมือก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนมีความคืบหน้าไปมาก ดังนั้นรัฐบาลจีนควรทำสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยในส่วนที่เหลือ

                สำหรับ การส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-1 มิ.ย.61 สามารถส่งออกได้แล้ว 4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.61% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 มูลค่า 76,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.57% หรือ 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 29.05%

                        เอกชน ห่วงมะกันพัฒนาข้าวหอมมะลิ 3 สายพันธุ์ตีตลาดข้าวหอมมะลิไทย หากคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

            นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงกรณีมหาวิทยาลัยอาร์แคนซัส (UAR) และมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา (LSU) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวของสหรัฐ และมูลนิธิวิจัยข้าวแคลิฟอร์เนีย (CCRF) ได้เปิดเผยผลสำเร็จของการคิดค้นและนำเสนอข้าวกลิ่นหอมพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์ คือ ข้าวจัสมิน ARoma 17, ข้าวจัสมิน CLJ01 และข้าวจัสมิน Calaroma-201 ซึ่งจะเข้ามาแข่งขันในตลาดข้าวหอมมะลิของไทย เพราะมีความหอมทัดเทียมกับข้าวหอมมะลิไทย แต่มีราคาต่ำกว่าว่า

                ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุณลักษณะของข้าวหอมมะลิ 3 สายพันธุ์ของสหรัฐฯ ทั้งในด้านรสชาติ กลิ่นหอม และความนุ่มจะเหมือนข้าวหอมมะลิไทยหรือไม่ หากคุณลักษณะด้อยกว่า ก็ไม่น่าเป็นห่วง แต่หากใกล้เคียงกันอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิ เพราะจะมีคู่แข่งขันเพิ่มมากขึ้น

                สำหรับ การพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิของสหรัฐครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 จากก่อนหน้านี้ที่เคยพัฒนาข้าวสายพันธุ์ JAZZMAN จนสำเร็จเมื่อปี 49 และข้าว JES ในปี 52 โดยข้าว JAZZMAN สามารถวางขายได้ใน 48 มลรัฐ และส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ส่วนข้าว JES นำมาวางจำหน่ายในแบรนด์ American Jazmine แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

                อย่างไรก็ตาม สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครชิคาโก ให้ความเห็นว่า ไทยต้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้โดยวางตำแหน่งข้าวไทยเป็นนิช มาร์เก็ต หรือตลาดเฉพาะ โดยให้มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง สร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่าง รวมถึงขยายตลาดสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ในสหรัฐฯ เช่น กลุ่มฮิสแปนิค (เชื้อสายสเปน) กลุ่มชาวอเมริกันเจเนเรชั่นเอ็กซ์ และวาย เป็นต้น

                อินโฟเควสท์ \

พาณิชย์ เตรียมเปิดชี้แจง TOR ประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 5 มิ.ย.

            นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ประธานกรรมการ นบข. ได้เห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ออกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 1.49 ล้านตัน และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 0.54 ล้านตัน ตามแผนการระบายที่คณะกรรมการ นบข.เห็นชอบ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

                1.การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 ข้าวในสต็อกของรัฐที่จะนำออกมาจำหน่ายมีทั้งหมด 14 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด และปลายข้าว A1 เลิศ ปริมาณรวมทั้งสิ้น 1.49 ล้านตัน จำนวน 91 คลัง ใน 19 จังหวัด

                2.การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 ข้าวในสต็อกของรัฐที่จะนำออกมาจำหน่ายมีทั้งหมด 15 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว A1 ปริมาณรวมทั้งสิ้น 0.54 ล้านตัน จำนวน 80 คลัง ใน 27 จังหวัด

                โดยกรมฯ จะเชิญผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการออกประกาศประมูล (TOR) ดังกล่าวในวันที่ 5 มิ.ย.61

                "กรมฯ จะเปิดชี้แจงทีโออาร์วันที่ 5 มิ.ย.จากนั้นจะเปิดให้ดูคลังเก็บข้าววันที่ 8-11 มิ.ย. และให้ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและให้ยื่นซองเสนอราคาของข้าวกลุ่ม 2 วันที่ 14 มิ.ย. เปิดซองเสนอราคาวันเดียวกัน ส่วนข้าวกลุ่ม 3 จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 15 มิ.ย. และเปิดซองเสนอราคาวันเดียวกัน จากนั้นจะประชุมคณะทำงานพิจารณาการระบายข้าวในวันที่ 19 มิ.ย. เพื่อสรุปผลการประมูลก่อนเสนอให้ประธาน นบข. อนุมัติขายได้ช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้" นายอดุลย์ กล่าว

                อย่างไรก็ตาม หากประมูลขายไม่หมดก็จะนำออกมาเปิดประมูลอีกครั้งจนกว่าจะหมด และมั่นใจว่า น่าจะเปิดประมูลขายได้หมดภายในปีนี้ตามเป้าหมาย

                ส่วนกรณีที่คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้ออกประกาศให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2561 ไปเมื่อวันที่ 18 พ.ค.61 ปริมาณ 4.37 หมื่นตัน ปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐจำนวน 35 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 9 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 4.37 หมื่นตัน โดยคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้พิจารณาราคาเสนอซื้อสูงสุดของผู้เสนอซื้อทุกรายเทียบเคียงกับราคาจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐที่ผ่านมา และได้สรุปผลการพิจารณาเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งมอบหมายให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการ นบข.เป็นผู้ดูแล ได้ให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2561 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 9 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 4.37 หมื่นตัน (คิดเป็น 100% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) มูลค่าเสนอซื้อ 534.08 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้กรมฯ จะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 15 วันทำการต่อไป

                "ข้าวที่อนุมัติขาย 43,700 ตัน เป็นข้าวล็อตสุดท้ายของข้าวกลุ่ม 1 หรือข้าวเพื่อการบริโภค ถือว่าขายได้ในราคาดี โดยข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ราคาเสนอซื้อเฉลี่ยตันละ 18,000 บาท แต่ราคาเสนอซื้อสูงสุดถึงตันละ 22,000 บาท ส่วนข้าวขาว 5% ราคาเสนอซื้อเฉลี่ยตันละ 11,400 บาท" นายอดุลย์ กล่าว

                อินโฟเควสท์

               

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!