- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 27 May 2018 19:35
- Hits: 1396
รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจราคาสินค้าหลังราคาพลังงานพุ่ง เตรียมมาตรการช่วยลดค่าครองชีพ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารปรุงสำเร็จ หลังราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ปรับราคาขึ้นเป็นถังละ 395 บาท (ถัง 15 กิโลกรัม) เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า ทั้งอาหารปรุงสำเร็จและสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะผลการศึกษาของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาได้
"หลังตรวจสอบแล้วพบว่า พ่อค้าแม่ค้ายังมีการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ในราคาเดิม ไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด ซึ่งได้ขอความร่วมมือให้มีการตรึงราคาเดิมเอาไว้ เพราะก๊าซหุงต้มที่เพิ่มขึ้นมีผลการศึกษาของกรมการค้าภายในออกมาว่ากระทบต่อต้นทุนการผลิตเพียงเล็กน้อยแค่ 15-20 สตางค์เท่านั้น จึงไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาได้" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป พบว่า ยังคงมีการจำหน่ายเป็นปกติ ไม่พบว่ามีสินค้ารายการใดปรับขึ้นราคา และจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าก็ไม่พบว่า มีการแจ้งปรับขึ้นราคาจากผู้ผลิตเข้ามาแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ และเท่าที่ตรวจสอบกับกรมการค้าภายใน ก็ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดยื่นเรื่องปรับขึ้นราคาเข้ามา แต่เพื่อไม่เป็นการประมาท ได้สั่งการให้มีการหารือกับผู้ผลิตสินค้า (ซัพพลายเออร์) แล้ว ซึ่งจะมีการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การดูแลการบริโภคอาหารปรุงสำเร็จนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้มีทางเลือกให้กับประชาชน โดยส่งเสริมให้บริโภคอาหารปรุงสำเร็จจากร้านอาหารหนูณิชย์ ซึ่งมีราคาจำหน่ายไม่เกินจาน/ชามละ 25-35 บาท และเป็นอาหารที่มีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ และปิดป้ายราคาชัดเจน โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านหนูณิชย์มากถึง 14,157 ร้าน แยกเป็น ในกรุงเทพฯ 4,689 ร้าน ภูมิภาค 9,434 ร้าน โดยประชาชนสามารถเลือกบริโภคอาหารปรุงสำเร็จจากร้านที่ใกล้บ้านได้
สำหรับ แนวทางการลดภาระด้านการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้กลไกของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยประสานผู้ผลิตจัดส่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด เข้าไปจำหน่าย เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนทั่วไป และล่าสุดกำลังจะประสานผู้ผลิตรายใหญ่ ให้จัดส่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด เพื่อนำไปจัดเป็นมุมธงฟ้า เพื่อให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเป็นร้านขายสินค้าราคาถูก หรือดิสเคาน์ช็อปอย่างถาวรด้วย ซึ่งหากดำเนินการสำเร็จ จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้อีกเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ยังได้ใช้กลไกของการจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด นำสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด 20-40% ไปจำหน่ายให้กับประชาชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน และหากมีความจำเป็น ก็จะพิจารณาจัดเพิ่มขึ้นต่อไป
อินโฟเควสท์