- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 09 September 2014 18:52
- Hits: 2556
พาณิชย์ เข้มเร่งจัดระเบียบผู้ค้างาช้างในไทย พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
กระทรวงพาณิชย์ เข้มมอบหมายกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งจัดระเบียบผู้ค้างาช้างในไทยให้เป็นระบบและเป็นปัจจุบัน พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เตรียมจับมือกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ค้างาช้างสำคัญ ทั่วประเทศทำความเข้าใจและขึ้นทะเบียนฯ ผู้ประกอบการ นำร่องกรุงเทพฯ ตลาดนัดสวนจตุจักร และท่าพระจันทร์ 'ไซเตส'ขู่หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาลักลอบค้างาช้างโดนนานาชาติคว่ำบาตรทางการค้าแน่ หวั่นเสียหายนับพันล้านบาท ขีดเส้นตายมีนาคม 2558 นี้
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัศร) ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งจัดระเบียบผู้ค้างาช้างในประเทศไทยให้เป็นระบบพร้อมดำเนินการขึ้นทะเบียนบัญชีผู้ค้างาช้างของไทยให้เป็นปัจจุบันที่สุด หลังพบว่าไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศ ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษเกี่ยวกับปัญหาการลับลอบค้างาช้างและนอแรดแบบผิดกฎหมาย รวมทั้ง เป็นแหล่งค้างาช้างที่สำคัญระดับโลก
กรมฯ มิได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และมองว่าเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องเร่งแก้ไข จึงได้ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมลงพื้นที่ค้างาช้างสำคัญทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ประกอบการค้างาช้างทำการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการค้างาช้างในพื้นที่ด้วย เบื้องต้น เตรียมลงพื้นที่นำร่องในเขต ได้แก่ ตลาดนัดสวนจตุจักร และ ท่าพระจันทร์ เป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้ประกอบการค้างาช้างเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น จะทยอยลงพื้นที่ในเขตอื่นๆ และในส่วนภูมิภาคต่อไป
“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ประกอบการค้างาช้างที่ไม่จดทะเบียนพาณิชย์ และไม่จัดทำบัญชีให้ถูกต้อง ทั้งนี้ พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 กำหนดให้ผู้ประกอบการค้าเกี่ยวกับงาช้าง ได้แก่ โรงงานแปรสภาพ แกะสลัก และการทำหัตถกรรมจากงาช้าง การค้าปลีก การค้าส่งงาช้าง และผลิตภัณฑ์จากงาช้าง ต้องทำการจดทะเบียนพาณิชย์ ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ และ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับงาช้างทั้งบุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีให้ถูกต้องโดยผู้ประกอบการค้างาช้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกดำเนินคดีพร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด”
อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (ไซเตส) กำหนดให้ 'ช้าง' เป็นสัตว์ป่าที่ถูกควบคุมในบัญชีหมายเลข 1 เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ ห้ามค้าในเชิงพาณิชย์ เว้นแต่ทำการศึกษาวิจัย เพาะพันธุ์ การส่งออกจะต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่นำเข้าเสียก่อน
ดังนั้น การที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องเฝ้าจับตาเป็นพิเศษ 1 ใน 8 ประเทศว่ามีส่วนต่อขบวนการค้างาช้าง และลักลอบขายงาช้างผิดกฎหมาย รวมถึง ไม่มีผลงานในเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายในการควบคุมการลักลอบค้างาช้างอย่างเข้มงวด อาจทำให้ประเทศไทยถูกนานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าสินค้าเชิงพาณิชย์ทุกประเภทที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส เช่น กล้วยไม้ หนังสัตว์เลื้อยคลานและหนังฟอก (หนังงูและหนังจระเข้) ไม้หายากฯลฯ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลกระทบในภาพรวมต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าของไทยในอนาคต ทั้งนี้ ไซเตสกำหนดเส้นตายให้ไทยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2558 มิฉะนั้นจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือ การคว่ำบาตรสินค้าฯ ของไทย
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในปี 2556 ไทยมีการส่งออกสินค้าเชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส มูลค่า 3,318 ล้านบาท (103.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลงจากปี 2555 จำนวน 22 ล้านบาท (0.70 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 0.67 โดยสินค้าฯ ที่ส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) กล้วยไม้ 2) หนังสัตว์เลื้อยคลาน (รวมหนังงูและหนังจระเข้) และ 3) หนังฟอกที่จัดทำเพิ่มเติมภายหลังการฟอกหรือครัสติ้ง นอกจากนี้ มีการนำเข้าสินค้าเชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส มูลค่า 450 ล้านบาท (14.06 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 161 ล้านบาท (5.02 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 55.53 โดยสินค้าฯ ที่นำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) หนังสัตว์เลื้อยคลาน (รวมหนังงูและหนังจระเข้) 2) คาเวียร์ (ไข่ปลา) และ 3) พืชมีชีวิตอื่นๆ กิ่งชำ กิ่งตอน และส่าเห็ด (รากเล็บครุฑ ตัวสับปะรดสี เมล็ดกระบองเพชร โป๊ยเซียน พืชกินแมลง)
ทั้งนี้ ในปี 2556 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตสมากกว่าการนำเข้าสินค้าฯ จำนวน 2,868 ล้านบาท (89.64 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลงจากปี 2555 จำนวน 183 ล้านบาท (5.72 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 6.00
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย