- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 16 May 2014 11:33
- Hits: 3794
ร้องสคบ.-กรมการค้าภายในตรวจสอบ-ถูกเก็บสารพัดค่าบริหารสูงเกินจริง
แนวหน้า : ผู้ส่งออกทนไม่ไหว เตรียมร้อง สคบ.และกรมการค้าภายใน ให้เข้าตรวจสอบการค่าเรียกเก็บค่าบริการ ที่บริษัทเดินเรือ ชาร์จจากผู้ส่งออก ทั้งค่าอกสาร ค่ายก-ล้างตู้คอเทนเนอร์ โดยยกข้ออ้างสินค้านำเข้ามีน้อย ต้องวิ่งเรือเปล่ากลับ จึงต้องขอเพิ่มค่าบริการเพื่อชดเชยรายได้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผู้ส่งออกต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมการค้าภายใน(คน.) กระทรวงพาณิชย์ เข้ามาตรวจสอบการเก็บค่าจ่ายในการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ (เทอร์มินอล แอนด์ดิ้ง ชาร์จ) และค่าบริการอื่นๆ ของบริษัทเดินเรือ ทั้งในส่วนค่าเอกสาร ค่าล้างตู้คอนเทนเนอร์ และค่ายกตู้ เป็นต้น เพราะบริษัทเดินเรือทยอยเพิ่มการเก็บค่าใช้จ่ายในรายการต่างๆมากขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก และลูกค้าในต่างประเทศที่มารับสินค้า
ทั้งนี้บริษัทเดินเรือมักให้เหตุผลของการเพิ่มค่าใช้จ่ายกับผู้ส่งออกไทยแทน หรือจากการเก็บกับผู้ค้าต่างประเทศที่รับสินค้าส่งออกจากท่าเรือว่า ในปัจจุบันการนำเข้าของประเทศมีปริมาณลดลงอย่างมากทำให้บริษัทเดินเรือไม่คุ้มค่าต่อการเดินเรือขากลับที่อาจต้องวิ่งเรือเปล่าหรือมีสินค้าเข้ามาน้อย ต่างจากในอดีตที่บริษัทเรือจะบรรทุกสินค้าขาออกและขาเข้าเต็มลำทำให้มีรายได้ในระดับสูง แต่ขณะนี้ช่วงตีเรือกลับจะไม่ค่อยมีสินค้าติดมาด้วยทำให้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายด้านค่าขนส่ง จึงทำให้บริษัทเรือมีการเรียกเก็บที่จุกจิกเพิ่มเติมจำนวนมากเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป จึงต้องมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายของผู้ใช้บริการ
“ในส่วนของค่าระวางเรือนั้นผู้ส่งออกคงไม่ติดใจเพราะเป็นการเก็บตามมาตรฐานที่เป็นที่รับรู้กันทั่วโลกอยู่แล้ว แต่ก็เป็นห่วงว่าในอนาคตทำให้ลูกค้าต่างประเทศมองประเทศไทยไม่ดีเนื่องจากจะมองว่าสินค้าไทยยิ่งแพงกว่าเพื่อนบ้านเพิ่มอีก เพราะค่าใช้จ่ายที่จุกจิกตรงนี้ลูกค้าต่างประเทศจะเป็นคนจ่ายเกือบทั้งหมด เนื่องจากผู้ส่งออกไทย 80-90% จะส่งออกในลักษณะเอฟโอบี หรือ คิดจากสินค้าที่ออกจากท่าเรือโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตามในภาพรวมของการส่งออกไทยในปี 57 นั้นผู้ส่งออกคาดว่าน่าจะขยายตัวในระดับ 3% จากเดิมที่ประเมินไว้ 5% ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยปัญหาทางการเมืองของไทยที่ยังยืดเยื้อต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 2 การส่งออกไทยน่าจะกลับมาฟื้นตัวในระดับ 1-2% จากไตรมาสแรกที่ส่งออกไทยติดลบ 1%
ด้านนายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากผู้ส่งออกว่าสายเดินเรือเริ่มมีการเพิ่มอัตราการเก็บค่าใช้จ่ายเทอร์มินอล แอนด์ดิ้ง ชาร์จและค่าบริการอื่นๆ จนส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องมีต้นทุนในการส่งออกเพิ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนของวัตถุดิบและค่าแรงที่ปรับเพิ่มอยู่แล้ว ในขณะที่มุมมองของบริษัทเดินเรือนั้นก็ได้รับผลกระทบ เพราะว่าในปัจจุบันปริมาณเรือเข้ามาในไทยมีปริมาณน้อยต่างจากในอดีตทำให้สายเรือไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนมากนักจึงจำเป็นต้องมีการเก็บค่าระวางพิเศษเพิ่ม เนื่องจากเรือบรรทุกที่ส่งสินค้าไปยังตลาดต่างๆ ขากลับไม่มีสินค้าบรรทุกกลับมา ก็จะขาดทุนหากต้องกลับเรือเปล่า ดังนั้นสายเดินเรือจำเป็นต้องเก็บค่าบริการอื่นๆเท่าที่เก็บได้จากเดิมที่ไม่มีการเก็บหรือเก็บในอัตราต่ำๆ อย่างไรก็ตามหากมีการเก็บค่าบริการอื่นๆแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์น่าจะทำให้ผู้ส่งออกต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 5,000-6,000 บาทต่อตู้
“เดิมปริมาณเรือเข้าออกในไทยมากตามปริมาณการส่งออกและการนำเข้าสินค้าของไทย แต่ปัจจุบันแม้การส่งออกยังพอขยายตัวแต่การนำเข้ากลับลดลงอย่างหนัก เห็นได้จากมูลค่าการนำเข้าของไทยลดลง 8 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 56 และมาลดลงมากๆในไตรมาสที่ 1 ปี 57 โดยเฉพาะในเดือน ม.ค. ลดลง 15.5% เดือน ก.พ. ลดลง 16.62% และ มี.ค.ลดลง 14.9%”