- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 04 September 2014 22:59
- Hits: 2781
เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องเตรียมชง รมว.พาณิชย์คนใหม่แก้ปัญหาค่าครองชีพ
บ้านเมือง : 'ปลัดพาณิชย์'เตรียมชง'พล.อ.ฉัตรชัย' รมว.คนใหม่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งค่าครองชีพ-สินค้าเกษตร-ส่งออก พร้อมเรียกประชุมทูตพาณิชย์อีกรอบเดือนนี้ ขณะที่สำนักงบฯ หวังเงินภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ 8 แสน ล. ออกสู่ระบบปลายปีนี้
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงงานของกระทรวงพาณิชย์ที่จะนำเสนอต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์คนใหม่ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้ามาทำงานที่กระทรวงพาณิชย์สัปดาห์หน้าภายหลังจากการถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วว่า งานเร่งด่วนส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น กรมการค้าภายในจะเสนอเรื่องการแก้ปัญหาค่าครองชีพ และการดูแลราคาสินค้าเกษตร
ทั้งนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะเสนอเรื่องการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ที่กำหนดเงื่อนเวลาเอาไว้จะเดินหน้าต่อหรือไม่ อย่างไร ส่วนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เสนอเรื่องการเร่งรัดผลักดัน และการแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย เป็นต้น
"แม้กระทรวงพาณิชย์จะมีรมว.ที่เป็นทหาร แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารงานกระทรวงได้เป็นอย่างดี เพราะทหาร แม้มีหน้าที่ด้านความมั่นคง แต่ไม่ได้หมายความว่า ความมั่นคงคือการสู้รบอย่างเดียว แต่ยังมีความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกัน จากประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับท่าน เห็นว่ามีความรู้ด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างดี และตัดสินใจเร็ว เชื่อว่า จะทำให้งานเดินหน้าเร็วกว่าปกติด้วยซ้ำ" น.ส.ชุติมา กล่าว
น.ส.ชุติมา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เตรียมแผนงานของแต่ละหน่วยงานในกระทรวง เพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่คาดว่าจะเรียกประชุมในสัปดาห์หน้า โดยประเด็นเร่งด่วน คือ แนวทางลดค่าครองชีพประชาชน เร่งรัดการเจรจาตามกรอบความตกลงที่ได้ทำไว้ และแนวทางผลักดันการส่งออกว่าจะทำอย่างไรเพื่อผลักดันตัวเลขการส่งออกไม่ให้ลดลง ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ จะจัดประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกเพื่อกำหนดกรอบแนวทางการส่งออกอย่างไรให้ขยายตัวมากสุดในไตรมาสสุดท้ายปี 2557 และการส่งออกปี 2558
"ส่วนการโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งมีหลายตำแหน่งที่ว่างอยู่ หลังจากรัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติงาน คาดว่าจะมีความคืบหน้า โดยไม่อยากให้ประเมินกรณีมีทหารเข้ามาคุมเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องความมั่นคงก็มีเรื่องเศรษฐกิจด้วย และการตัดสินใจเร็ว ทำงานเร็ว กว่าที่เคยมา กับการเข้ามาทำงานของ คสช. ก็เห็นถึงการลดปัญหาต่างๆ ได้ดี"น.ส.ชุติมา กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวระหว่างการชี้แจงมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ให้กับส่วนราชการ ว่า จากภาวะเศรษฐกิจขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5-2 ในปี 2557 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นร้อยละ 3.5-4.5 ในปี 2558 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง จึงให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เบิกจ่ายงบลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 87 ของงบรายการลงทุนจำนวน 450,158 ล้านบาท และต้องเบิกจ่ายงบในภาพรวมให้ได้ร้อยละ 96 ของงบทั้งหมด 2.575 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ด้วยการเร่งรัดการก่อหนี้สำหรับแผนลงทุน ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2557 และต้องจัดเตรียมโครงการลงทุนให้มีความพร้อมในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อก่อหนี้ให้ทันตามกำหนด นอกจากนี้ ต้องเบิกจ่ายงบด้านการฝึกอบรมสัมมนาให้ได้ร้อยละ 50 ของงบดังกล่าว ในช่วงไตรมาสแรกของงบประมาณปี 2558 เมื่อส่วนราชการทุกหน่วยงานเร่งรัดเบิกจ่ายจะทำให้มีเงินของภาครัฐออกสู่ระบบประมาณ 830,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกของงบประมาณปี 2558 แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 700,000 ล้านบาท และงบลงทุน 129,000 ล้านบาท สัดส่วนประมาณร้อยละ 1 ของจีดีพี จึงน่าจะเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
ดังนั้น เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ต้องจัดทำแผนปฏิบัติการส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณา ภายในวันที่ 9 กันยายนนี้ การเบิกจ่ายงบประจำต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเบิกจ่ายไตรมาสแรกของรัฐบาล ส่วนงบลงทุนต้องจัดเตรียมร่างทีโออาร์แผนลงทุนให้เรียบร้อย เมื่อร่างงบประมาณปี 2558 ผ่านวาระ 2 ในวันที่ 17 กันยายนนี้ ให้ส่วนราชการและทุกหน่วยงานเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อหนี้ผูกพันต้องทำแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 ยกเว้นรายการก่อหนี้เกิน 500 ล้านบาท ให้ก่อหนี้อย่างช้าในไตรมาส 2