WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

INDUSสนธรตน สนธจรวงศพาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปฮ่องกงปีนี้ 2.1 แสนตัน หลังปีก่อนทะลุ 2 แสนตันเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

      นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ คาดว่าการส่งออกข้าวไทยไปฮ่องกงในปีนี้จะยังคงขยายตัวได้ดี โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ที่ 215,000 ตัน จากในปี 2560 ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกงว่า มีปริมาณสูงถึง 206,153 ตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 187,092 ตันของปี 2559 หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.18%

     "นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่ยอดการส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังฮ่องกงมากกว่า 200,000 ตัน หลังจากครั้งสุดท้ายที่ไทยเคยทำได้ในปี 2550 ด้วยปริมาณ 202,858 ตัน"

      สาเหตุสำคัญเกิดจากความร่วมมือตามหลักประชารัฐ ทั้งภาครัฐโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ ภาคเอกชนอย่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวแห่งประเทศไทย ตลอดจนกลุ่มเกษตรกร โรงสีต่างๆ และที่สำคัญคือนโยบายของรัฐบาลที่ช่วยพยุงราคาข้าวให้มีเสถียรภาพ สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อ อีกทั้งการขยายฐานการตลาดด้วยข้าวชนิดใหม่ๆ ทั้ง ข้าวออแกนิค ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวสุขภาพชนิดต่างๆ ส่งผลให้ยอดการส่งออกข้าวไทยไปยังฮ่องกงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ไทยมีสัดส่วนการส่งออกในตลาดสูงถึง 65% และปริมาณการส่งออกมากกว่า 2 แสนตันในปีที่ผ่านมาได้ โดยฮ่องกงถือเป็นตลาดข้าวหอมมะลิที่สำคัญอันดับ 3 รองจากสหรัฐอเมริกา และจีน

      สำหรับ ในปี 2561 แม้ราคาข้าวหอมมะลิไทยยังอยู่ในระดับสูงกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ความต้องการยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดฮ่องกงชื่นชอบข้าวหอมมะลิไทย ที่มีคุณภาพดี มีความหอม น่ารับประทาน นอกจากนี้ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขยายตลาดข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวกล้องชนิดต่างๆ เพื่อเป็นการต่อยอดและเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าว

       สถิติตัวเลขการค้าช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังตลาดโลกมีมูลค่าเกือบ 42,000 ล้านบาท มีตลาดหลัก ได้แก่ อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา (28%) 2.จีน (15%) 3.ฮ่องกง (11%) 4.อิหร่าน (6%) 5.แคนาดา(5%) โดยไทยส่งออกสินค้าข้าวหอมมะลิไปฮ่องกงมีมูลค่าสูงถึง 4,756 ล้านบาทซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ดังกล่าวข้างต้น

                              อินโฟเควสท์

รมช.พาณิชย์ มั่นใจสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยปีนี้ ยังสดใส-ราคาขยับขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

    น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวของไทยมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงตั้งแต่ 1 ม.ค.-6 ก.พ. ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกประมาณ 1 ล้านตัน และเป็นการส่งออกข้าวขาว 0.77 ล้านตัน ราคาส่งออกข้าวขาวอยู่ระหว่าง 422-470 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน คำนวณเป็นราคาข้าวเปลือกที่ประมาณ 7,550-8,200 บาทต่อตัน ซึ่งสูงกว่าราคาข้าวขาวของปีที่ผ่านมา

     โดยในปี 2560 ไทยส่งออกข้าวได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ปริมาณ 11.63 ล้านตัน และในจำนวนนี้เป็นการส่งออกข้าวขาวมากที่สุดปริมาณกว่า 5 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 43% ของปริมาณการส่งออกข้าวรวม โดยราคาส่งออกข้าวขาวอยู่ระหว่าง 370 – 450 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน คำนวณเป็นราคาข้าวเปลือกที่ประมาณ 7,500 - 7,800 บาท ต่อตัน ซึ่งเป็นระดับราคาที่เกษตรกรและตลาดทั้งในและต่างประเทศรับได้

     สำหรับ การส่งออกข้าวชนิดอื่นๆ ของไทย ได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย และข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น  ข้าวอินทรีย์ (Organic) ข้าวสีชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพสูงของไทยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนและสร้างความตระหนักรู้เพื่อขยายตลาดข้าวที่มีมูลค่าสูงส่งผลให้ข้าวคุณภาพดีเป็นที่นิยมของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยระดับราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยปี 2560 กับ ต้นปี 2561 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดรับกับแผนงานการบุกตลาดของกระทรวงพาณิชย์ในประเทศผู้นำเข้าสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง สิงค์โปร์ และภูมิภาคอื่นๆ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง ทำให้ข้าวไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว อาทิ ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวแบบนาแปลงใหญ่ สนับสนุนปัจจัยด้านการเก็บเกี่ยว สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร และการจองรถเกี่ยวข้าวผ่านแอปพลิเคชัน เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรและเพื่อรักษาราคาข้าวไทยให้มีเสถียรภาพอย่างเป็นระบบยั่งยืนต่อไป

     รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ได้รับรายงานว่าหน่วยงานองค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Authority : NFA) ของฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลนำเข้าข้าวขาวปริมาณ 250,000 ตัน ในช่วงเดือนมี.ค. 61 ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลดีต่อตลาดข้าวไทย ทำให้มีตลาดมารองรับผลผลิตข้าวนาปรังฤดูกาลผลิตใหม่ที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเวลาอันใกล้นี้ โดยข้าวขาวป็นชนิดข้าวที่ไทยส่งออกมากที่สุด แต่มีการแข่งขันด้านราคามากในตลาดโลก เนื่องจากไทย เวียดนาม พม่า และกัมพูชา สามารถผลิตได้ในปริมาณมาก และเป็นข้าวคุณภาพปานกลางที่เหมาะกับผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อจำกัด และโดยที่ข้าวขาวที่ไทยผลิตได้เกือบทั้งหมดจะเป็นพันธุ์ข้าวขาวพื้นแข็ง กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งส่งเสริมการผลิตข้าวขาวพื้นนิ่มซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งจะขายได้ราคาดีกว่าข้าวขาวพื้นแข็งประมาณ 50-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน โดยการเพิ่มสัดส่วนการส่งออกข้าวขาวพื้นนิ่มแทนการส่งออกข้าวขาวพื้นแข็งให้มากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาข้าวขาวต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศรับได้ด้วย

                              อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!