WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOC พมพชนก วอนขอพรพาณิชย์ เผยส่งออก ธ.ค. ขยายตัวต่อเนื่อง 8.6% ดันทั้งปี 60 โต 9.9% สูงสุดรอบ 6 ปี

     กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนธ.ค.60 มีมูลค่า 19,741 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.6% ขณะที่การนำเข้า ในเดือนธ.ค.60 มีมูลค่า 20,019 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 16.6% ส่งผลให้ดุลการค้า ธ.ค. ขาดดุล 278 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

       ขณะที่ทั้งปี 60 การส่งออก มีมูลค่า 236,694 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.9% การนำเข้า มีมูลค่า 222,763 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 14.71% ส่งผลให้ดุลการค้า เกินดุล 13,930 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

      น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน ธ.ค.60 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ทำให้ในช่วงไตรมาส 4/60 การส่งออกขยายตัวได้ 11.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 อย่างไรก็ดี หากหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำในเดือนธ.ค.60 การส่งออกจะขยายตัวได้ 9.2% สะท้อนว่าการส่งออกขยายตัวได้จากภาค real sector เป็นสำคัญ ในขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตและสินค้าทุนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องไปถึงปี 61

        "การส่งออกของไทยในเดือนธ.ค.60 ขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาดอินเดีย และตลาด CLMV มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่การส่งออกโดยรวมทั้งปี 60 ที่โตเกือบ 10% ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลก และการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง ยืนยันว่าการค้าระหว่างประเทศของไทยยังทำได้ดี และปีนี้คงจะทำได้ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป" ผู้อำนวยการ สนค.กล่าว

       ทั้งนี้ การส่งออกของไทยทั้งปี 60 ที่มูลค่า 236,694 ล้านดอลลาร์ ถือว่าเป็นการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตราการขยายตัวที่ 9.9% ถือว่าสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยสินค้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกของไทยในปี 60 คือ ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ยางพารา โทรศัพท์ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนการส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวต่อเนื่องเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะสหรัฐ สหภาพยุโรป อาเซียน และจีน ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 60

     น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า สำหรับประมาณการการส่งออกของไทยในปี 61 สนค.คาดว่าจะส่งออกได้เติบโตในระดับ 5-7% คิดเป็นมูลค่า 248,529 - 253,263 ล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง มีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในเอเชีย นอกจากนี้ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตามด้วย สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวดี ได้แก่ รถยนต์นั่ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น

       "จากการหารือกับผู้ประกอบการในหลายกลุ่มเพื่อประเมินการส่งออกปี 61 เราคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ 5-7% ซึ่งแม้เงินบาทจะยังแข็งค่าอยู่ในระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ การส่งออกก็จะยังอยู่ในเกณฑ์นี้ เพราะเราคิดสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนไว้ในช่วง 32-34 บาท/ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีที่ 55-65 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้จะมีการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกในวันที่ 19-21 ก.พ. เพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกของทั้งปีร่วมกันอีกครั้ง" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

     อย่างไรก็ดี การส่งออกในปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยปัจจัยนอกประเทศที่สำคัญ คือ การดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ และแนวโน้มการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศรายใหญ่ที่จะมีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งติดตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อาจจะมีความผันผวนได้ในบางช่วง

                        อินโฟเควสท์

พาณิชย์ เผยส่งออกธ.ค.60 โต 8.6% ส่วนทั้งปีโต 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่ปีนี้คาดโต 5-7%

      พาณิชย์ เผยส่งออกธ.ค.60 โต 8.6% ขณะที่ทั้งปี 60 โต 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี รับตลาด สหรัฐ -  ญี่ปุ่น - CLMV สดใส พร้อมประเมินปี 61 จีดีพีโต 4% ส่งออกโต 5-7% รับศก.คู่ค้า - ในประเทศฟื้นตัวดี แถมราคาน้ำมัน และสินค้าเกษตรพุ่ง ประเมินค่าเงินบาททั้งปีเฉลี่ยที่ 32-34 บ./ดอลล์ ราคาน้ำมันดิบ 55-65 เหรียญ รับบาทแข็งค่ากดดันส่งออกภาคเกษตร วอนผู้ส่งออกป้องกันความเสี่ยง - รัฐพร้อมหาทางช่วยเหลือต่อไป 

     นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนธันวาคม 2560 ขยายตัว 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยมีมูลค่าการส่งออก 19,741 ล้านดอลลาร์ รวม 4 ไตรมาสการส่งออกของไทยขยายตัว 11.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 และทำให้ทั้งปี 2560 การส่งออกของไทยมีมูลค่า236,694.2 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.9% หรือสูงสุดในรอบ 6 ปี 

       ขณะที่การนำเข้าในเดือนธันวาคม 2560 นำเข้ามีมีมูลค่า20,019.2 ล้านดอลลาร์ โต 16.6% และทั้งปีนำเข้ามีมูลค่า 222,763 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14.71% สำหรับ ดุลการค้าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาขาดดุล 278.1 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ทั้งปียังเกินดุลการค้าที่ 13,930.7 ล้านดอลลาร์ 

      สำหรับ การส่งออกที่ขยายตัวได้ดีนั้น มาจากการส่งออกไปยังตลาดสำคัญขยายตัวได้ดีในทุกตลาด ทั้ง สหรัฐ ญี่ปุ่น เป็นต้น ขณะที่การส่งออกไปยังกลุ่ม CLMV มีมูลค่าเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา ทั้งนี้การส่งออกที่ขยายตัวดี ยังเป็นผลจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวสูงเป็นตัวเลข 2 หลัก ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์ที่มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ รวมทั้งกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไปสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่ขยายตัวสูง ด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากด้านราคาเป็นสำคัญ ทั้งจากข้าว มันสำปะหลัง อาหารทะเล เป็นต้น 

       “เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดี และเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และจะส่งผลดีต่อปี 2561 ให้ขยายตัวต่อเนื่องได้"นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว 

      นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ด้านทิศทางการส่งออกในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยประเมินการส่งออกในปี 2561 โต 5-7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจในเอเชีย นอกจากนี้ ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร และราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย 

      ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวดี เช่น รถยนต์นั่ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์พลาสติก และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น

      สำหรับ สมมติฐานในการประเมินการส่งออกในปี 2561 ประกอบด้วย การคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปี 2561 ที่ 4% ค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 32-34 บาทต่อดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบ 55-65 ดอลลาร์ต่อบาเรล ราคาส่งออกสินค้าภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-5% และ ส่งออกสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1-3% ซึ่งมองว่า ราคาสินค้าเกษตรอาจจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือในระยะต่อไป 

       “สถานการณ์ค่าเงินบาทแม้ว่า ค่าเงินบาทจะแข็งค่าที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ ก็เชื่อว่า ส่งออกจะขยายตัวได้ในกรอบดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจะต้องทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ขณะที่ทางการทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังคงจะติดตามและดูแลสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อกลุ่มสินค้าเกษตรมากนัก”นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว 

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!