- Details
- Category: เกษตร
- Published: Friday, 12 January 2018 17:43
- Hits: 13480
ก.เกษตรฯ คาดพื้นที่ปลูก-ผลผลิตสับปะรดปี 61 เพิ่มจากปีก่อน หลังราคาอยู่ในเกณฑ์ดี, เตรียมใช้ Agri-Mapกำหนดพื้นที่เหมาะสม
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาสับปะรด โดยคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์สับปะรดปี 2560 - 2569 และการบริหารจัดการผลผลิตสับปะรดในช่วงปลายปี 2560 ดังนี้
แนวทางการบริหารจัดการผลผลิตสับปะรดในช่วงปลายปี 2560 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการตลาดและการส่งออกสับปะรด โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานผู้ประกอบการ ผ่านกลไกประชารัฐ เพื่อเชื่อมโยงการรับซื้อผลผลิตสับปะรดจากเกษตรกรกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีการส่งเสริมการส่งออกสับปะรดผลสดไปยังตลาดค้าชายแดน ผลักดันการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างเกษตรกรและโรงงานแปรรูปเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา นอกจากนี้มีการติดตามสถานการณ์ช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2561
แนวทางการบริหารจัดการในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากช่วงที่ 1 ปี 2561 (มีนาคม – พฤษภาคม 2561) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก. จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เพื่อเตรียมแนวทางและมาตรการรองรับต่อไป ซึ่งหากมองถึงสถานการณ์การผลิตสับปะรด ปี 2561 (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2560) สศก. คาดว่าจะมีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 0.581 ล้านไร่ ผลผลิต 2.462 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 4,233 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 10.43% 10.43% 13.22% และ 2.52% ตามลำดับ เนื่องจาก ช่วงปี 2558 – 2559 ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกในพื้นที่ไม่เคยปลูกสับปะรดมาก่อน รวมทั้งต้นสับปะรดปีแรกให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นผลผลิตออกสู่ตลาดมากตั้งแต่เดือน มีนาคม โดยผลผลิตช่วง มีนาคม – พฤษภาคม 2560 ประมาณ 0.869 ล้านตัน (ร้อยละ 35.31 ของผลผลิตทั้งหมด) เพิ่มขึ้น 9.30% จากช่วงเดียวกันของปี 2560
ขณะที่การบริหารจัดการระยะยาว จะขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์สับปะรดปี 2560 – 2569 ประกอบด้วย ด้านการผลิต โดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการผลิตสับปะรด มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลัก กำหนดพื้นที่เหมาะสมและกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสับปะรดโรงงาน ภายใต้ Agri-Map โดยคลอบคลุม เกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกสับปะรดในรัศมีรอบโรงงาน 50 – 100 กม. กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ และเกษตรกรที่เพาะปลูกในจังหวัดที่ไม่มีโรงงานแปรรูป โดยใช้กลไกระดับพื้นที่ ผ่านทาง Single Command จังหวัด ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนงาน/โครงการด้านการผลิต ระยะที่ 1 (ปี 2561 – 2564) และให้ สศก.ประเมินผลโครงการด้านการผลิต ระยะที่ 1 เพื่อการวางแผนจัดทำแผนงาน/โครงการ ระยะที่ 2 (ปี 2565 – 2569) ต่อไป
ด้านการแปรรูป โดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านอุตสาหกรรมแปรรูปสับปะรด มีกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลัก กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนในการพัฒนาการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมสับปะรดของไทย 5 ด้าน ได้แก่ 1) ศึกษาวิจัยและส่งเสริมการนำนวัตกรรม 2) ส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพ 3) ควบคุมคุณภาพบรรจุภัณฑ์สับปะรดให้ได้มาตรฐาน 4) การให้สิทธิประโยชน์หรือมาตรการจูงใจเพื่อส่งเสริมการลงทุน และ 5) การแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่จากสิ่งเหลือใช้จากกระบวนการแปรรูป
ด้านการตลาดและการส่งออก โดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการตลาดและการส่งออกสับปะรด มีกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานหลัก ดำเนินการรณรงค์และส่งเสริมการบริโภคสับปะรดและผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ส่งเสริมการเจรจาทางการค้าเพื่อขยายตลาดใหม่ ส่งเสริมการสร้างตราสินค้า ศึกษา วิจัยความต้องการสับปะรดและผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมการรวบรวม จำหน่าย และส่งออกสับปะรดผลสด โดยผ่านกลไกรูปแบบประชารัฐ
ทั้งนี้ แนวทางการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์สับปะรดด้านการผลิต ระยะที่ 1 (ปี 2561- 2564) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการผลิตสับปะรด มีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการส่งเสริม 2 กลุ่ม คือ?
กลุ่มที่ 1 จังหวัดที่อยู่ในรัศมีรอบกลุ่มโรงงานฯ 100 กิโลเมตร เพื่อกำหนดเป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกสับปะรดเพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูปสับปะรด รวม 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด
กลุ่มที่ 2 จังหวัดที่มีการปลูกสับปะรดโรงงานแต่อยู่ห่างไกลจากที่ตั้งของโรงงานแปรรูปสับปะรด กำหนดให้เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกสับปะรดเพื่อเน้นการบริโภคผลสด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม ชัยภูมิ ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช และพัทลุง ซึ่งจะเน้นการสร้างตราสัญลักษณ์สินค้า (Brand Name) การจดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยเชื่อมโยงผ่านกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ ไปยังผู้ส่งออก /Modern Trade/การค้าชายแดน
ขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนงาน โครงการ งบประมาณ ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่ม
อินโฟเควสท์