- Details
- Category: เกษตร
- Published: Tuesday, 26 August 2014 21:58
- Hits: 2549
รัฐฯ เตรียมลงนามสัญญาขายยางในสต๊อก 2.1 แสนตันพรุ่งนี้ ชี้เป็นช่วงเวลาที่ดีช่วยดันราคายางในตลาดสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า วันนี้( 26 ส.ค.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการหารือคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติกํากับดูแลในการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและแนวโน้มการระบายยางในสต็อกรัฐบาล 2.1 แสนตัน ที่รับซื้อไว้ราคาเฉลี่ย 104 บาทต่อกิโลกรัม หลังมีผู้เสนอราคาซื้อเข้ามากว่า 10 ราย แต่มีผู้ซื้อรายเดียวที่ให้ราคาสูงกว่าราคากลาง
ดังนั้น การขายยางในสต็อกรัฐบาลครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ที่ผ่านมา หลายฝ่ายมองว่ายางสต็อกของไทยเป็นปัญหา ทำให้ราคายางพาราตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
"ในการเสนอราคาซื้อยางสต็อกรัฐบาลมีผู้สนใจ 10 ราย เป็นผู้ส่งออก 5 รายใหญ่ แต่เสนอราคาเพียงกิโลกรัมละ 38-42 บาทถือต่ำมาก แบบนี้ถือว่าปล้นกันชัดๆ ไม่แฟร์กับชาวสวนยาง และรัฐบาล"นายดำรงค์ กล่าวเชื่อส่งผลดีราคาปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับ สต็อกยางในไทยขณะนี้ จากการที่กรมวิชาการเกษตรได้สำรวจมีประมาณ 3 แสนตัน ถือว่าน้อยมาก ใช้ในประเทศเดือนละ 5 หมื่นตัน ส่งออกปกติต่อเดือน 3 แสนตัน สต็อกที่มีอยู่ขณะนี้จึงไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้นเชื่อว่าเดือนก.ย.นี้ ผู้ส่งออกจะไม่มียางเพื่อส่งมอบ จะส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม จะเสนอคสช.ให้เพิ่มเงื่อนไขการขายยางสต็อกรัฐบาล ที่เหลืออีก 1 แสนตัน ขณะนี้มีผู้สนใจเสนอซื้อมา2-3 ราย โดยจะปรับวิธีการขายใหม่ ให้รายละ 3 หมื่นตัน ภายใต้เงื่อนไข ที่ผู้ซื้อต้องซื้อยางใหม่ต้องเพิ่ม 2 หมื่นตัน ในราคาเอฟโอบีบวก 5 บาทคาดเซ็นสัญญาขายได้พรุ่งนี้
นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) กล่าวว่าวันนี้(26ส.ค.)จะเจรจาเงื่อนไขสัญญาซื้อขายยางในสต็อกรัฐบาล กับผู้เสนอซื้อในราคากิโลกรัมละ 58 บาท สำหรับยางแท่ง ส่วนยางรมควันราคา 62 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นผู้ที่เสนอราคาสูงสุด จากจำนวนผู้สนใจซื้อทั้ง 10 ราย หากตกลงเงื่อนไขสัญญาได้จะเซ็นสัญญาซื้อขายวันที่ 27 ส.ค. นี้ จากนั้นเมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินก็สามารถขนย้ายยางพาราไปได้ ต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดภาระค่าบริหารจัดการ ทั้งค่าประกันภัย ค่าโกดังเก็บยางที่อ.ส.ย. ต้องรับผิดชอบอยู่ หากขนย้ายไม่หมดใน 3 เดือนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการผู้ซื้อต้องรับผิดชอบ
ทั้งนี้ การขายยางช่วงนี้ถือว่าเหมาะสม ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะราคายางอ่อนไหว ขึ้นลงตามปัจจัยภายนอก ขณะนี้สต็อกยางในไทยถือว่ามีน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้สต็อกยางในจีนก็มีน้อย ส่วนใหญ่สต๊อกยางของจีนเป็นสต็อกลม มีการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า 'อุทัย'ต้านยื่นหนังสือระงับขายวันนี้
ด้านนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานชุมนุมสหกรณ์การเกษตรอุตสาหกรรมยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้(26ส.ค.) จะเข้าพบพลเอกฉัตรชัย เพื่อแจ้งให้ระงับการขายยาง 2.1แสนตัน เนื่องจากสหกรณ์ฯได้ยื่นต่อศาลปกครองและรับฟ้องไว้แล้ว การแก้ไขหาสต็อกยาง ควรบริหารจัดการตามนโยบายที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะมีคำสั่งให้ทุกภาคส่วนนำยางมาแปรรูปเพื่อใช้เองในประเทศ เช่น นำยางพารามาผสมยางมะตอยทำถนนลาดยาง
นอกจากนี้ รัฐควรมีการตรวจสอบปริมาณยางในสต็อกของโครงการเสถียรภาพราคายางของรัฐบาลทั้งปริมาณและคุณภาพยางในสต็อก ต้องการให้ภาครัฐเข้ามา ช่วยเหลือปัจจัยการผลิต 2,520 บาทต่อไร่ ไม่เกินรายละ 25 ไร่ อีกหนึ่งฤดูกาลผลิตแนะปฎิรูปโครงสร้างตลาดยาง
สำหรับ มาตรการช่วยเหลือระยะกลาง ภาครัฐควรปฏิรูปโครงสร้างตลาดกลางยางพารา ให้เป็นเอกภาพและเป็นที่ยอมรับ เป็นราคาอ้างอิงของตลาดซื้อขายยางพาราในอาเซียนและตลาดโลก แทนการอ้างอิงของตลาดซื้อขายล่วงหน้าจากประเทศอื่นๆ หาแนวทางในการแก้ปัญหาราคายาง ให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ ให้เกษตรกรชาวสวนยางมีส่วนร่วมในการทำผลิตภัณฑ์ยางโดยให้รัฐสนับสนุนด้านเงินทุนและด้านตลาด ต้องมีเป้าหมายคือ ประกาศราคายางยางของอาเซียนเป็นราคาอ้างอิงในการซื้อขายยางของตลาดโลก รักษาเสถียรภาพราคายาง โดยจัดตั้ง กองทุนสามารถเก็บสต็อกยางของอาเซียนให้ได้ 1 ล้านตัน ทั้งนี้เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ 63 จังหวัดจึงยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงพลเอกประยุทธ์ รับทราบและแก้ปัญหายางพาราตกต่ำโดยด่วน วันนี้(26 ส.ค.)
อ.ส.ย.คาดสรุปขายยางในสต็อกวันนี้-เซ็นสัญญาพรุ่งนี้ เชื่อไม่ขัดศาลฯ
นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการ องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) กล่าวว่า วันนี้จะเจรจาเงื่อนไขสัญญาซื้อขายยางในสต็อกรัฐบาลประมาณ 2.1 แสนตันกับผู้เสนอซื้อซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 10 ราย โดยรายที่เสนอราคาสูงสุดคือบริษัท ยี่ฟังเหลียน ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ นอมินีของผู้มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดีในวงการยางเสนอราคาดีที่สุดเฉลี่ย 58-62 บาท/กก.
ทั้งนี้ หากตกลงเงื่อนไขสัญญาได้จะเซ็นสัญญาซื้อขายวันที่ 27 ส.ค.นี้ เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินแล้วต้องขนย้ายยางพาราให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดภาระค่าบริหารจัดการที่อ.ส.ย.ต้องรับผิดชอบอยู่ หากขนย้ายไม่หมดใน 3 เดือนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการผู้ซื้อต้องรับผิดชอบ
ผอ.องค์การสวนยาง กล่าวต่อว่า การขายยางช่วงนี้ถือว่าเหมาะสม ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะราคายางอ่อนไหวขึ้นลงตามปัจจัยภายนอก ขณะนี้สต็อกยางในไทยมีอยู่ประมาณ 208,000 ตัน ถือว่ามีน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้สต็อกยางในจีนก็มีน้อย ส่วนใหญ่สต๊อกยางของจีนเป็นสต็อกลม มีการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า
ส่วนกรณีที่เครือข่ายเกษตรกรได้ยื่นศาลปกครองขอให้ภาครัฐยกเลิกการขายยางในสต็อกเพราะเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมให้ราคาตกต่ำลงไปอีกนั้น ผอ.อ.ส.ย. กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ศาลปกครองเพียงแต่รับฟ้องไว้แต่ยังไม่ได้ไต่สวนหรือมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด ดังนั้น การขายยางจึงสามารถทำได้
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการหารือคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติกำกับดูแลในการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในช่วงเย็นวันนี้ เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและแนวโน้มการระบายยางในสต็อกรัฐบาล 2.1 แสนตัน ที่รับซื้อไว้ราคาเฉลี่ย 104 บาทต่อกิโลกรัม หลังมีผู้เสนอราคาซื้อเข้ามากว่า 10 ราย แต่มีผู้ซื้อรายเดียวที่ให้ราคาสูงกว่าราคากลาง
ตัวแทนสวนยาง 6 จ.ยื่นหนังสือถึงนายกฯเรียกร้องแก้ราคาดิ่ง-ปฏิรูปยั่งยืน
ตัวแทนเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ตรัง, พัทลุง , นครศรีธรรมราช , สุราษฎร์ธานี, กระบี่ และสตูล จำนวน 8 คน นำโดยนายบุญโชติ ร่มเย็น ประธานเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ เขต 3 เข้ายื่นหนังสืงถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ผ่านศูนย์บริการประชาชนฯ เพื่อเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ แลเให้สถาบันเกษตกรจัดหาปุ๋ยเคมีมาผสมให้กับเกษตกรชาวสวนยาง
พร้อมทั้งมีข้อเสนอการปฏิรูปยางพาราอย่างยั่งยืน เช่น ให้ผู้ที่รับผิดชอบในสถาบันแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารารับการสนับสนุนจากรัฐบาลนำยางไปแปรรูปภายในประเทศโดยเป็นโครงการนำร่อง, จัดทำสต๊อกสินค้ายางพาราภายในประเทศ, จัดทำข้อมูลสถิติจำนวนพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งที่มีเอกสารสิทธิและไม่มีเอกสารสิทธิ, ออกมาตรการตรวจสอบการลักลอบนำยางพาราออกนอกราชอาณาจักร และ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลชาวสวนยางตั้งแต่ปลูกยางจนถึงกระบวนการโค่นล้ม
ทั้งนี้ นายสาธิต สุทธิเสริม หน.ฝ่ายประสานมวลชนฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว
อินโฟเควสท์
ตัวแทนสวนยางภาคใต้ 6 จังหวัด เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้องแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำ พร้อมแผนปฎิรูปยั่งยืน
นายบุญโชติ ร่มเย็น ประธานเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ เขต 3 พร้อมตัวแทนเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ตรัง, พัทลุง, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, กระบี่ และสตูล จำนวน 8 คน เข้ายื่นหนังสืงถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ผ่านศูนย์บริการประชาชนฯ เพื่อเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และให้สถาบันเกษตกรจัดหาปุ๋ยเคมีมาผสมให้กับเกษตกรชาวสวนยาง
พร้อมทั้งมีข้อเสนอการปฏิรูปยางพาราอย่างยั่งยืน เช่น ให้ผู้ที่รับผิดชอบในสถาบันแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารารับการสนับสนุนจากรัฐบาลนำยางไปแปรรูปภายในประเทศโดยเป็นโครงการนำร่อง, จัดทำสต๊อกสินค้ายางพาราภายในประเทศ, จัดทำข้อมูลสถิติจำนวนพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งที่มีเอกสารสิทธิและไม่มีเอกสารสิทธิ, ออกมาตรการตรวจสอบการลักลอบนำยางพาราออกนอกราชอาณาจักร และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลชาวสวนยางตั้งแต่ปลูกยางจนถึงกระบวนการโค่นล้ม
ทั้งนี้ นายสาธิต สุทธิเสริม หน.ฝ่ายประสานมวลชนฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย