- Details
- Category: เกษตร
- Published: Tuesday, 26 August 2014 21:54
- Hits: 2700
ก.เกษตรฯ จับมือสวทช.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ในระดับสากล ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย ว่า ประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพสูง โดยสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีได้หลากหลายชนิด มีมูลค่ารวมกว่า 9,325 ล้านบาท/ปี แบ่งเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้เพาะปลูกในประเทศ ประมาณ 4,360 ล้านบาท/ปี ขณะที่มีการส่งออกไปยัง 129 ประเทศทั่วโลก ปีละประมาณ 4,965 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ คือ กลุ่มประเทศอาเซียน และเอเชียแปซิฟิก
ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาความเป็นผู้นำพร้อมต่อยอดความมั่นคงและความยั่งยืนของเมล็ดพันธุ์ไทย และเพื่อผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ หรือSeed Hub ในระดับสากล กระทรวงเกษตรฯจึงได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2562
สำหรับ ยุทธศาสตร์หลักในการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์การผลิตเมล็ดพันธุ์ เพื่อรักษาความมั่นคงด้านอาหาร และความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย โดยมีพืชนำร่อง คือ ข้าว พืชตระกูลถั่ว 2. ยุทธศาสตร์การผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อส่งออก โดยมีพืชนำร่อง คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชผักชนิดต่างๆ และ 3 ยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยมีพืชนำร่อง คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งภายหลังการลงนามฯทั้ง 3 หน่วยงานจะร่วมจัดทำแผนแม่บทยุทธศาสตร์ศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ แผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ และแนวทางการดำเนินงานตามแผนทั้งสามแผน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีการพัฒนาที่จำเป็นสำหรับเมล็ดพันธุ์อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ การผลิต การจำหน่าย การนำเข้าและส่งออกเมล็ดพันธุ์ที่หลากหลาย มีคุณภาพ การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ในระดับสากลอย่างมั่นคงและยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ด้านนายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ คณะกรรมการ และคณะทำงานต่างๆ ตามความเหมาะสม เพื่อดำเนินงานตามกรอบและเป้าหมายที่วางไว้ โดยทั้งสามฝ่ายได้มีข้อตกลงร่วมกันสนับสนุนทรัพยากร ได้แก่ บุคลากร งบประมาณ เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ และสถานที่ เพื่อพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชไทยให้มีคุณภาพดี มีความหลากหลาย และมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศและการส่งออก ทั้งยังสอดคล้องกับสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต พร้อมต่อยอดเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ไทยและอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับเมล็ดพันธุ์ ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะสร้างมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 20 %/ปี
อินโฟเควสท์