- Details
- Category: เกษตร
- Published: Monday, 23 October 2017 20:43
- Hits: 14311
นายกฯ ห่วงใยเกษตรกร แนะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกมุ่งเน้นลดรายจ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิต ย้ำรัฐบาลยินดีช่วยเหลือทุกรูปแบบ วอนทุกฝ่ายร่วมมือขจัดปัญหาการเกษตรที่เรื้อรัง
นายกฯ ห่วงใยเกษตรกร แนะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกมุ่งเน้นลดรายจ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิต ย้ำรัฐบาลยินดีช่วยเหลือทุกรูปแบบ วอนทุกฝ่ายร่วมมือขจัดปัญหาการเกษตรที่เรื้อรัง
พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผิดเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาช่วงวันหยุดทบทวนภารกิจและปัญหาสำคัญของบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยย้ำว่าการจัดสรรพื้นที่เพาะปลูกอย่างเหมาะสม การทำไร่นาสวนผสมควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ ปลา สุกร ฯลฯ เพื่อให้มีรายได้เสริมและลดรายจ่ายของครอบครัว ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางที่ควรนำไปประยุกต์ใช้
“การทำให้สินค้าเกษตรมีราคาดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญคือการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรควรพิจารณาปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกโดยใช้พันธุ์ที่มีคุณภาพ ใช้วิธีอินทรีย์และนวัตกรรมเข้ามาช่วย เช่น ปลูกข้าวอินทรีย์ แปรรูปยาง หรือปลูกปาล์มที่ให้น้ำมันสูงขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการมาก ขณะเดียวกันต้องลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งการจ้างคน การใช้ปุ๋ยเคมีที่ไม่จำเป็น และประหยัดการใช้น้ำ
นอกจากนี้ ควรรวมกลุ่มให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างอำนาจต่อรอง เพื่อไม่ให้ถูกกดราคา โดยรัฐบาลกำลังจัดหาและพัฒนาตลาด ทั้งตลาดทั่วไปและตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้รักสุขภาพ กลุ่มที่ชอบสินค้าแปลกใหม่ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ค้าสามารถขายสินค้าได้โดยตรง โดยจะกระจายอยู่ทั่วประเทศและขยายไปยังต่างประเทศด้วย”
นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า หากพี่น้องเกษตรไม่ร่วมมือหรือปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตร ก็คงไม่มีรัฐบาลใดช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ นอกจากใช้วิธีพยุงราคาซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้น เปรียบเหมือนการให้ยาเลี้ยงไข้แต่ไม่มีวันหาย ที่ผ่านมาการปลูกพืชตามกระแสจนปริมาณล้นตลาดเป็นปัญหาใหญ่ ทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ ดังนั้น เมื่อทุกคนมองเห็นจุดอ่อน มีการยื่นข้อเรียกร้อง และภาครัฐบาลรู้ความต้องการของตลาด ทั้งเกษตรกรและรัฐบาลจึงต้องพร้อมใจกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
“รัฐบาลยินดีสนับสนุน ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปให้คำแนะนำ เพื่อทำงานร่วมกัน รวมทั้งอยากให้พี่น้องเกษตรกรไปติดต่อพูดคุยปรึกษาหารือกับบุคลากรด้านการเกษตรทุกระดับที่อยู่ในพื้นที่ หรือศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ที่มีอยู่กว่า 880 แห่งทั่วประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล พัฒนาความรู้ และปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ยกระดับรายได้และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ตนเองและครอบครัว”
นายกฯ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ย้ำเป็นห่วงผู้ประสบภัย กำชับเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ วอนประชาชนให้ความร่วมมือกับทางการ ป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลาม
นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า โดยภาพรวมน้ำในภาคเหนือมีแนวโน้มลดลงแต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่ำ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ “กรมชลประทานควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที และเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาให้สูงสุดตามศักยภาพ และยืนยันว่าขณะนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ยังปิดการระบายน้ำอยู่ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ได้เพิ่มการระบายน้ำมากขึ้นจึงส่งผลกระทบกับบางพื้นที่ เช่น อ.เมือง และ อ.น้ำพอง” ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับผ่านกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอื่น ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ที่จะต้องรับน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ให้แจ้งเตือนประชาชน จัดตั้งศูนย์อพยพหรือพักพิงชั่วคราวตามแผนเผชิญภัยพิบัติ พร้อมทั้งออกปฏิบัติการป้องกันแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที “นายกฯ เป็นห่วงผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก แต่ได้ขอความเห็นใจและความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากส่วนราชการได้ร่วมกับท้องถิ่นวางแผนการทำงานไว้อย่างดีพอสมควรแล้ว เช่น การวางกระสอบทรายบริเวณประตูน้ำป้องกันไม่ให้น้ำไหลเอ่อท่วม 2 ฝั่งคลองระบายน้ำ แต่พบว่ามีประชาชนบางส่วนขนย้ายกระสอบทรายไปใช้ในพื้นที่ของตนเอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่และประชาชนพูดคุยทำความเข้าใจกันให้เกิดความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้น”
........ กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก