WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Prayutนายกฯ วอนเกษตรกรร่วมมือรัฐฯ แก้ไขวงจรสินค้าเกษตร ด้าน นบข.เตรียมชงครม.ออกสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี 59/60 วงเงิน 1.8 หมื่นลบ.

       นายกฯ เผยรัฐบาล - เกษตรกรต้องพร้อมใจช่วยแก้ไขปัญหาวงจรสินค้าเกษตร เชื่อหากทำได้ช่วยรายได้เกษตรกรจะดีขึ้นใน 5 ปี ด้าน นบข.เตรียมชงครม.อนุมัติสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี 59/60 ให้ข้าวขาว 10,500 บ./ตัน ส่วนข้าวขาวปทุม 11,300 บ./ตัน ใช้วงเงินรวม 1.8 หมื่นลบ. คาดเกษตรกรได้ประโยชน์ 7 แสนครัวเรือน

     พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ข้าว หรือ นบข.นัดพิเศษ ว่า ยืนยันที่ผ่านมารัฐบาลหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาโดยตลอด แต่หลายฝ่ายยังยึดติดกับการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้อย่างยั่งยืน จะต้องร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลภาคการเกษตรแบบครบวงจร ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ที่จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรต่างๆ มีราคาดีขึ้น ตามคุณภาพสินค้าที่ดีมากขึ้น 

    “ยอมรับการที่รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนวงจรเดิมๆ ที่เกษตรกรรอการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาล ให้มาร่วมกันดูแลกการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรทั้งระบบร่วมกัน ซึ่งหากทำได้จะทำให้ภายใน 5 ปี เกษตรกรไทยจะร่ำรวยมากขึ้น โดยเป็นเกษตรกรทุกประเภท ไม่ใช่เพียงข้าวอย่างเดียว สำหรับการลงพื้นเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรียืนยันยังไม่มีกำหนดการในการลงพื้นที่ใดๆ เพราะเชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ดูแลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว”พลเอกประยุทธ์ กล่าว

   นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมนบข. เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เพื่ออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 59/60 โดยข้าวเปลือกเจ้า ซึ่งเกษตรกรจะได้รับเงินทั้งหมด 10,500 บาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อ 7,000 บาท ต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน  และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวปทุมธานี เกษตรกรจะได้รับเงินทั้งสิ้น 11,300 บาทต่อตัน แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อ 7,800 บาทต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน โดยกำหนดรายละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งจะใช้วงเงินในการดำเนินการทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อของธนหาคารเพื่อการเกษตรรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 9,000 ล้านบาท และในส่วนของวงเงินค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 9,000 ล้านบาท 

    สำหรับ การดำเนินการโครงการดังกล่าว คาดว่าจะมีเกษตรกรในพื้นที่ภาครกลางได้รับประโยชน์มากกว่า 700,000 ครัวเรือน โดยขอให้เกษตรกรได้ไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรกร ซึ่งคาดการณ์ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกเจ้าที่สีเป็นข้าวสารจะมีประมาณ 9 ล้านตัน และปริมาณข้าวปทุมธานีที่สีเป็นข้าวสารอีกประมาณ 4 ล้านตัน รวมกว่า 13 ล้านตัน 

     ด้านการแก้ไขปัญหาในระยะยาว จะมีการขยายตลาดเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะมีการเชิญผู้ซื้อข้าวจากทั่วโลกกว่า 100 ราย มาเจรจาซื้อขายข้าวจากไทยในวันที่ 13-16 พฤศจิกายนนี้ ขณะเดียวยังส่งเสริมให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตด้วยการรวมตัวทำโครงการนาแปลงใหญ่ ซึ่งขณะนี้แล้วกว่า 1 ล้านไร่

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!