- Details
- Category: เกษตร
- Published: Thursday, 22 September 2016 08:54
- Hits: 4213
รมว.เกษตรฯ เตรียมเยือนภูฏาณ 22-26 ก.ย.ยกระดับความร่วมมือด้านเกษตรระหว่าง 2 ประเทศ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย.นี้ มีกำหนดจะเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของ รมว.เกษตรและป่าไม้ภูฏาน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1. เผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมการทำเกษตรโดยใช้หลักเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ภาคเกษตรของภูฏาน ผ่านโครงการพระราชดำริฯ ต่างๆ ที่กระทรวงเกษตรฯ เข้าไปให้การสนับสนุน ทำให้รัฐบาลภูฏานมีความต้องการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในภาคเกษตรกรรมของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพระราชวงศ์และประชาชนของทั้งสองประเทศ และเพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี
2. ติดตามความก้าวหน้าโครงการในพระราชดำริฯ ของพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ที่กระทรวงเกษตรฯ ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกับภูฏาณ ซึ่งหลายโครงการประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ พร้อมหาแนวทางความร่วมมือที่จะขยายผลไปยังโครงการอื่นมากขึ้น
3.เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย - ภูฏาน ซึ่งจะได้มีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและป่าไม้ภูฏาณ ในการผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในความร่วมมือด้านการเกษตรในสาขาที่ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องร่วมกัน ได้แก่ ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทาน ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย – ภูฏาน ซึ่งได้มีการลงนามร่วมกันแล้วเมื่อวันที่ 4 ก.ย.53
4. ส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพของไทย ได้แก่ ปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ และสินค้าเกษตรแปรรูปอื่นๆ ของไทยสู่ประชาชนภูฏาน และนักท่องเที่ยวในภูฏาน
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยได้สนับสนุนการเกษตรในหลากหลายสาขาแก่ภูฏาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาไม้ดอกไม้ประดับ สนับสนุนพ่อแม่พันธุ์สัตว์ ให้ความรู้ด้านชลประทาน และสนับสนุนโครงการในพระราชดำริฯ เป็นต้น ดังนั้น การเยือนราชอาณาจักรภูฏาในครั้งนี้ นอกจากเพื่อเร่งรัดติดตามความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรค การดำเนินงานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบด้านการเกษตร ในพระราชดำริของพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ที่เมืองพูนาคา เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงด้วยดีตามพระราชประสงค์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ภาคเกษตรกรรมของภูฏาน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้พระเกียรติคุณกว้างไกลยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลไทยยินดีให้การสนับสนุนในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการเกษตรของประเทศไทยในภูมิภาคอีกด้วย
สำหรับ ข้อมูลการค้าสินค้าเกษตรไทย-ภูฏาณ พบว่า ระหว่างปี 2556-2558 ยังมีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยไม่มากนัก เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญของภูฏาณ ได้แก่ อินเดีย ฝรั่งเศส บังกลาเทศ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แต่อย่างไรก็ดี สินค้าเกษตรของไทยก็มีแนวโน้มที่ดีและมีการขยายตัวมากขึ้น โดยในปี 2558 มูลค่าการค้า 72 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 102.15% ต่อปี ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับภูฏานมาโดยตลอด สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ กาแฟ ชา น้ำผลไม้ หรือน้ำพืชผักต่างๆ ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง อาหารปรุงแต่งที่ทำจากธัญพืช หรือผลิตภัณฑ์ธัญพืชประเภทซีเรียล เป็นต้น
"การร่วมมือกันระหว่างสองประเทศในการนี้ จะช่วยส่งเสริมและผลักดันการค้าสินค้าเกษตรระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มมากขึ้นไม่เพียงแต่ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรให้ประชากรภูฏาณบริโภคแล้ว ยังช่วยเผยแพร่สินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเที่ยวภูฏาณได้อีกทางหนึ่งด้วย" รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว
อินโฟเควสท์