- Details
- Category: เกษตร
- Published: Friday, 05 February 2016 09:14
- Hits: 1648
ก.เกษตรฯ เร่งมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยแล้ง หลังปริมาณน้ำใช้การได้ยังไม่พอความต้องการ
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2558/2559 ว่าปัจจุบัน มีปริมาณน้ำใช้การได้ขณะนี้จำนวน 20,733 ล้าน ลบ.ม. แต่มีความต้องการน้ำในภาพรวม 70,249 ล้าน ลบ.ม. โดยในภาคเกษตรมีความต้องการใช้น้ำ 53,034 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น ร้อยละ 75 จึงเกิดสถานการณ์ภัยแล้ง
ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พ.ค.58 ได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (พ.ศ.2558 - 2569) มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ การสร้าง ความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต เช่น การพัฒนาแหล่งน้ำในเขตชลประทาน การขุดสระน้ำในไร่นา และการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชน เป็นต้น
ด้านสถานการณ์ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง 481 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.พ.59) มีปริมาณน้ำใช้การได้ 16,649 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 33 และสถานการณ์ในอ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 4 อ่างฯ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยฯ และ เขื่อนป่าสักฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวม 3,434 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 19
ส่วนมติคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ รับผลกระทบ จากปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี 2558/59 ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อำนวยการเฉพาะ กิจแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี 2558/59 ระดับชาติ (ศก.กช.) จำนวน 8 มาตรการ ได้แก่ 1) มาตรการส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัว เรือน 386,809 ราย 2) มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน 782,789 ราย 3) มาตรการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร 98,888 ราย4) มาตรการเสนอโครงการพัฒนาอาชีพตามความต้องการของหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อบรรเทาผลกระทบ ภัยแล้ง 9,771 โครงการ 5) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ 6) มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้น ทุน 7,829 แห่ง 7) มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ 8) มาตรการสนับสนุนอื่น ๆ เช่น การให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง เป็นต้น
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีแนวทางการบริหารงานโดยให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง การให้ความสำคัญทั้งในเรื่องพืช ประมง และปศุสัตว์ อีกทั้งยังมีการพัฒนา Single Command ให้มี ความเข้มแข็ง มีการบูรณาการการทำงาน รวมถึงสามารถประสานงานในเชิงนโยบายได้ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใน 6 ด้าน ได้แก่ 1) การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน 2) แปลงใหญ่ 3) Zoning 4) 882 ศูนย์ 5) ธนาคารสินค้าเกษตร และ 6) เกษตรอินทรีย์
ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย