- Details
- Category: เกษตร
- Published: Saturday, 23 January 2016 16:09
- Hits: 1552
พัฒนาไหมไทย รุก'อาเซียน'เกษตรฯลุยศึกษาสภาพตลาดอินโดนีเซีย
แนวหน้า : นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเป็นทางการ ดังนั้นในส่วนของกรมหม่อนไหมก็มีการศึกษาข้อมูลด้านหม่อนไหมเพื่อเตรียมพร้อมผลักดันไหมไทยเข้าสู่ตลาดอาเซียน โดยเมื่อเร็วๆนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ของกรมหม่อนไหม คือ นางสาวศิริพร บุญชู ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และตรวจสอบมาตรฐานหม่อนไหม เดินทางไปศึกษาสถานภาพการตลาดสินค้าไหมในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้โครงการศึกษาสถานภาพการตลาดสินค้าไหมในอาเซียน เพื่อศึกษาโครงสร้างการผลิตและการตลาดสินค้าไหมของประเทศอินโดนีเซีย ศึกษาค่านิยมและพฤติกรรมการซื้อสินค้าไหมของประเทศอินโดนีเซีย และแนวทางในการตรวจสอบมาตรฐานและกฎระเบียบด้านสินค้าไหมประเทศอินโดนีเซีย โดยจากการศึกษาสถานภาพการตลาดและเก็บข้อมูล สิ่งทอ ณ ตลาดสิ่งทอที่สำคัญ ได้แก่ Sarinah Thamrin Plaza, Jakarta พบว่า การค้าสินค้าไหมในจาการ์ตา ส่วนใหญ่ไม่นิยมนำผ้าไหมหรือสินค้าจากไหมวางขายมากนัก เนื่องจากราคาสูง
แต่จะวางจำหน่ายในร้านที่ได้รับความนิยม และเป็น กลุ่มลูกค้าผู้มีฐานะสูง ดังนั้นตลาดสินค้าไหมจึงค่อนข้างแคบไม่เป็นที่นิยม และ ที่สำคัญคือสินค้าที่ผลิตจากไหมหากนำมาวางจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นไหม ที่นำเข้าจากจีน เวียดนามและอินเดีย ส่วนมากเป็นไหมที่มีการผสมกับวัตถุดิบชนิดอื่นปนเข้าไป จึงทำให้สินค้าไม่มีคุณภาพ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่น แต่หากเป็นสินค้าไหมที่ผลิตจากไทย และติดแบรนด์ และป้ายว่าไหมแท้จากไทย จะเป็นสินค้าที่ได้รับความเชื่อมั่นและเป็นที่นิยม ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะรุกการผลิตที่ทำเป็นแบรนด์จากไทยและระบุชัดว่าเป็นไหมแท้จากไทยเพื่อรักษาฐานลูกค้าตลาด Hi End นอกจากนี้ยังได้ศึกษาข้อมูลสถิติการนำเข้าส่งออกสินค้าไหม และกฎระเบียบในการนำเข้าส่งออกที่สำคัญของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
ทั้งนี้ ผลการศึกษาสถานภาพการตลาดสินค้าไหมในประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวงการหม่อนไหมไทย เนื่องจากสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาสินค้าและกำหนดลู่ทางการส่งออกสินค้าไหมไทยไปสู่ตลาดประเทศอาเซียน นอกจากนี้ยังสามารถนำมากำหนดยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาหม่อนไหมของประเทศไทย รวมทั้งการสร้างความร่วมมือ การพัฒนาด้านอาชีพหม่อนไหมร่วมกับกลุ่มประเทศในอาเซียนต่อไป