- Details
- Category: เกษตร
- Published: Saturday, 05 December 2015 17:43
- Hits: 7061
รายงานพิเศษ: 'กรมการข้าว'น้อมนำแนวพระราชดำริในหลวงพัฒนาข้าวไทยสู่ความยั่งยืน
แนวหน้า : ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับการปลูกข้าวเป็นอย่างมาก ทรงมีพระราชดำรัส ณ โครงการพัฒนาพื้นที่โคกกูแว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2536 ความตอนหนึ่งว่า "ข้าวต้องปลูกเพราะอีก 20 ปี ประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไรประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก"
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ด้วยความห่วงใยพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะที่ประกอบอาชีพทำนาที่มีอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจตลอดจนพระราชดำริเกี่ยวกับด้านข้าวมากมาย ทั้งนี้ พระองค์ทรงทำแปลงนาทดลองในพื้นที่โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ด้วยทรงพระราชประสงค์ที่จะทดลองทำนาปลูกข้าวด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่ปี 2504 โดยทรงขับรถไถนา ควายเหล็กเตรียมแปลง ทรงหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวข้าวที่ทรงปลูก ด้วยพระองค์เอง หลังจากที่ทรงได้ทดลองทำนาด้วยพระองค์เอง ทรงตระหนักดีว่าการทำนาปลูกข้าวนั้นมีความยากลำบากอยู่มาก นอกจากที่จะต้องใช้พันธุ์ข้าวที่ดีแล้ว ยังจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางวิชาการและวิทยาการที่ทันสมัยถึงจะได้ผลเป็นล่ำเป็นสัน และที่สำคัญหลังสิ้นสุดฤดูการทำนาแล้ว ควรมีการพักนาเพื่อปรับปรุงฟื้นฟูสภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมที่จะปลูกข้าวในฤดูต่อไป จึงทรงแนะนำให้ปลูกพืชหมุนเวียนตระกูลถั่วเพื่อเพิ่มแร่ธาตุและไนโตรเจนให้แก่ดินสลับกับการปลูกพืชไร่เพื่อเพิ่มรายได้หลังสิ้นสุดฤดูทำนาด้วย
โดยทรงมีพระราชดำริให้กรมการข้าวในสมัยนั้นรับผิดชอบดูแลแปลงทดลองส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ตั้งแต่ปี 2504 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่ง เพราะเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้จากแปลงนาทดลองส่วนพระองค์นั้น กรมการข้าวได้ทำหนังสือขอพระบรมราชานุญาตนำไปใช้ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรก นาขวัญเป็นประจำทุกปีและอีกส่วนหนึ่งขอพระบรมราชานุญาตเป็น "พันธุ์ทรงปลูกพระราชทาน" แจกจ่ายให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่สนใจนำไปปลูกและเก็บไว้เป็นมิ่งขวัญเพื่อเป็น สิริมงคลในชีวิต
กรมการข้าวได้มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาข้าวรับผิดชอบงานโครงการนาทดลอง ในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ภายในพระราชวังดุสิต มีพื้นที่ดำเนินงานประมาณ 4.6 ไร่ โดยการดำเนินงานแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ จัดทำแปลงสาธิตการปลูกข้าวไร่และข้าวนาสวนพันธุ์ดีในฤดูนาปี จัดทำแปลงสาธิตการปลูกพืชหมุนเวียนตระกูลถั่วและพืชไร่หลังนาในช่วงฤดูแล้ง จัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงงานด้านข้าวและนิทรรศการองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้าวภายในห้องนิทรรศการโครงการนาทดลอง สวนจิตรลดา
สำหรับ ฤดูนาปี 2558 หลังจากการเก็บเกี่ยวพืชไร่และพืชตระกูลถั่วแล้ว ได้ปลูกข้าวที่เป็นข้าวพันธุ์หลักทั้งข้าวไร่และข้าวนาสวนรวมทั้งแปลงแสดงข้าวพันธุ์คัดพันธุ์ดี โดยได้ดำเนินการปลูกข้าวไร่ จำนวน 3 พันธุ์ ได้แก่ ซิวแม่จัน ข้าวเหนียวดำลืมผัว และดอกพะยอม ข้าวนาสวน จำนวน 7 พันธุ์ ได้แก่ กข61 กข57 กข41 กข6 ปทุมธานี 1 สังข์หยดพัทลุง และขาวดอกมะลิ 105 แปลงแสดงพันธุ์ข้าว พันธุ์คัด จำนวน 45 พันธุ์ แบ่งเป็นข้าวเจ้า 34 พันธุ์ ข้าวเหนียว 11 พันธุ์ โดยปลูกเพื่ออนุรักษ์และแสดงความหลากหลายของพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี
นายอนันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการข้าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อเกษตรกรชาวนาไทยทั้งประเทศ ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นขวัญข้าวขวัญแผ่นดิน เป็นรากฐานและเป็นหลักชัยแห่งชีวิตของคนไทยทุกคน กรมการข้าวจึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 "รวมแรงรวมใจเก็บเกี่ยวข้าวของพ่อ" ณ แปลงนาทดลองในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นข้าวเจ้าหอมไวต่อช่วงแสง มีพื้นที่ 1,240 ตารางเมตร ปลูกโดยวิธีการโยนกล้า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2558 ที่กรมการข้าวได้ร่วมกับโรงเรียนจิตรลดา นำนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทำกิจกรรมดำนา ปลูกข้าวในพื้นที่แปลงนาทดลอง เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนของชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญกับเรื่องข้าวไทยมากขึ้น ทั้งนี้ ผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ทั้งหมดจะนำไปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรด พระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2559 และบรรจุซองร่วมกับข้าวพันธุ์หลักอีก 6 พันธุ์ เป็น "พันธุ์ทรงปลูกพระราชทาน" แจกจ่ายให้เกษตรกรและประชาชน
ที่สำคัญกรมการข้าวยังคงมุ่งมั่นที่จะน้อมนำแนว พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีเกี่ยวกับด้านข้าว ไปพัฒนาระบบการผลิตข้าวของชาวนาไทยให้มีคุณภาพ ก่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในอาชีพ ควบคู่ไปกับการปลูกฝังทั้งวัฒนธรรมและเทคโนโลยีการผลิตข้าวให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาสู่อาชีพทำนาในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นฐานการผลิตข้าวที่สำคัญของประเทศสืบไป