- Details
- Category: เกษตร
- Published: Tuesday, 24 November 2015 15:23
- Hits: 5031
กลุ่มวังขนาย ผู้ผลิตน้ำตาลออร์แกนิค ร่วมกับสยามคูโบต้าผู้นำในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการ วังขนาย-คูโบต้า พลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล
กลุ่มวังขนาย ผู้ผลิตน้ำตาลออร์แกนิค ร่วมกับสยามคูโบต้าผู้นำในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดทำ โครงการ วังขนาย-คูโบต้า พลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เพื่อช่วยเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ปลูกอ้อยอินทรีย์ลดปัญหา ด้านแรงงาน ตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณอ้อยอินทรีย์ให้ได้ถึงร้อยละ 30 ของปริมาณอ้อยทั้งหมดของกลุ่มวังขนาย ภายใน 3-5 ปี นี้ ด้านสยามคูโบต้าเผยการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการปลูกอ้อยอินทรีย์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และใช้ทรัพยากรในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบสนองนโยบายภาครัฐในเรื่องการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ และเกษตรปลอดภัย
นายบุญญฤทธิ์ ณ วังขนาย ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มวังขนาย กล่าวว่า “โครงการ วังขนาย-คูโบต้า พลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล จัดทำขึ้นมาเพื่อช่วยเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ปลูกอ้อยอินทรีย์ และตอบสนองนโยบายภาครัฐในเรื่องการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ และเกษตรปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มวังขนายได้จัดทำโครงการปลูกอ้อยอินทรีย์ เป็นเวลานานกว่า 15 ปีแล้ว ปัจจุบันมีเกษตรกรในโครงการฯ จำนวน 1,000 กว่าราย มีพื้นที่ปลูกอ้อยอินทรีย์ที่ต้องดูแลประมาณ 30,000 ไร่ จากเดิมที่คิดว่าจะใช้เพียงแค่แรงงานเกษตรกร และแรงงานทั่วไปก็เพียงพอแล้ว แต่พอมาถึงวันนี้ กลุ่มวังขนายมั่นใจแล้วว่าโครงการปลูกอ้อยอินทรีย์จะต้องขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นแรงงานคนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เรามีความจำเป็นต้องนำเครื่องจักร เครื่องมือเข้ามาช่วย เพื่อให้โครงการของเราสำเร็จมากยิ่งขึ้น และได้เล็งเห็นว่าสยามคูโบต้า ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศไทยจนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป มีความเหมาะสมที่จะร่วมมือกันผลักดันให้โครงการฯนี้ประสบความสำเร็จซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยอินทรีย์ได้มีรายได้ที่มั่นคง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
จากข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2011 ปริมาณการผลิตน้ำตาลออร์แกนิคทั่วโลกมีอยู่ 339,133 ตัน มีพื้นที่ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่ออร์แกนิค จำนวน 369, 625 ไร่ สำหรับในประเทศไทยนั้นปัจจุบันกลุ่มวังขนายเป็นผู้ผลิตน้ำตาลออร์แกนิคเพียงรายเดียว ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานของตลาดร่วมกลุ่มประเทศยุโรป (EEC 483/2007) ,มาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา ( USDA-NOP) ,มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น (Japan Agriculture Standard; JAS ) และมาตรฐานประเทศเกาหลี (Korean Organic Certification) ตั้งแต่ปี 2554 โดยในปี 2558 สามารถผลิตน้ำตาลออร์แกนิคได้จำนวน 15,000 ตัน ส่งจำหน่ายในประเทศ 75 % และส่งออกไปต่างประเทศ 25 % ในทวีปเอเชีย ได้แก่ เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเลเซีย สิงค์โปร์ ส่วนในทวีปยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน โอเชียเนีย และนิวซีแลนด์ สำหรับราคาน้ำตาลออร์แกนิคภายในประเทศไทยที่จำหน่าย ในห้างสรรพสินค้า ราคากิโลกรัมละ 26 บาท ส่วนราคาส่งออกน้ำตาลออร์แกนิค (FOB Price) นั้น จะสูงกว่าราคาขายปลีกในประเทศ 15 %- 50% ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้ทำสัญญากันไว้ โดยกลุ่มวังขนายตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีนี้ จะเพิ่มปริมาณอ้อยอินทรีย์ให้ได้ถึงร้อยละ 30 ของปริมาณอ้อยทั้งหมดของกลุ่มวังขนาย เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำตาลออร์แกนิคส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
นายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่นจำกัด กล่าวว่า “โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มวังขนาย และสยามคูโบต้าที่ต้องการยกระดับศักยภาพขั้นตอนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยอินทรีย์ ในการบริหารปัจจัยการเพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และใช้ทรัพยากรในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สุงสุด อีกทั้ง ตอบสนองนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ โดยสนับสนุนการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรคูโบต้าในขั้นตอนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน การเพาะปลูก การฝังปุ๋ย การดูแลรักษา ตลอดจนการเก็บเกี่ยว ที่ต้องอาศัยระบบการจัดการเกษตรแบบครบวงจรสยามคูโบต้าที่เรียกว่า KUBOTA (Agri) Solutions ซึ่งผสานเทคนิคด้านการเกษตร หรือ Agriculture Solutions และการจัดการด้านเครื่องจักรกลการเกษตร หรือ Machinery Solutions
ที่สยามคูโบต้า มีความเชี่ยวชาญไว้อย่างลงตัว เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในไร่อ้อยอินทรีย์ในทุกขั้นตอนเพาะปลูก โดยใช้แทรกเตอร์ติดอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับงานไร่อ้อย อาทิ ผานระเบิดดินดานในการเตรียมดิน เหมาะสำหรับปลูกอ้อยข้ามแล้ง เพื่อให้ดินเก็บความชื้นไว้ในดินช่วงหน้าแล้ง และช่วยเพิ่มสารอินทรีย์ในดิน เครื่องปลูกอ้อย ที่ใช้แรงงาน 1- 2 คน สามารถทำงานได้สูงสุด 20 ไร่ต่อวัน จึงช่วยลดต้นทุนค่าจ้างแรงงาน อีกทั้งเครื่องฝังปุ๋ย เครื่องคีบอ้อย และแทรกเตอร์ขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวในร่องอ้อยสูง เพื่อกำจัดวัชพืช ช่วยลดการใช้สารเคมีและสารปนเปื้อน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้มั่นใจ ได้ว่าวัตถุดิบที่ป้อนสู่อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาลจะมีคุณภาพ สามารถนำไปผลิตเป็นน้ำตาล ออร์แกนิคที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพเหมาะสำหรับการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกร ชาวไร่อ้อยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวไร่ โรงงานน้ำตาล ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้า และบริษัทฯ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการร่วมมือกันพัฒนาภาคการเกษตรในอุตสาหกรรมอ้อยของไทยให้ยั่งยืนต่อไป”
ข้อมูลโครงการ วังขนาย-คูโบต้า พลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล
1. ที่มาและวัตุประสงค์
เกิดจากความร่วมมือที่ต้องการยกระดับศักยภาพชาวไร่อ้อยที่ปลูกอ้อยอินทรีย์ ให้สามารถลดต้นทุนการเพาะปลูก เพิ่มผลผลิต และบริหารปัจจัยการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ทรัพยากรในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สุงสุด ทำให้วัตถุดิบที่ป้อนโรงงานน้ำตาลมีคุณภาพ อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเกษตรกรไร่อ้อยอินทรีย์ โรงงานน้ำตาล กลุ่มวังขนาย บริษัทดินทองคอร์ปอเรชั่น บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น และร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้า เพื่อร่วมมือกันพัฒนาภาคการเกษตรในอุตสาหกรรมอ้อยของไทยให้ยั่งยืนต่อไป
2. ระยะเวลาดำเนินงานรวม 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามร่วมกัน ( วันที่ 24 พฤศจิกายน 2558)
3. แผนการดำเนินงาน (3ปี)
ปีที่ 1
• ส่งเสริมวิธีการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน
• ศึกษาวิธีการลดข้อจำกัดที่เหมาะสมกับพื้นที่
• สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวไร่ โรงงานน้ำตาล ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายของสยามคูโบต้า และ พนักงาน ที่จะร่วมมือกันพัฒนาการเกษตรของไทย
ปีที่ 2-3
• เพิ่มรายได้ให้ชาวไร่ จากการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต
• เพิ่มผลผลิต (วัตถุดิบ) ให้โรงงานน้ำตาล
• เพิ่มการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตร
4. พื้นที่เป้าหมาย
ปัจจุบันมีโรงงานน้ำตาลในกลุ่มวังขนายจำนวน 4 แห่ง เริ่มตั้งแต่ปี 2557 ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลที.เอ็น. โรงงานน้ำตาลวังขนาย โรงงานน้ำตาลอุตสาหกรรมอู่ทอง และโรงงานน้ำตาลราชสีมา
5. ผลการดำเนินงานจากแปลงทดลอง
จากการเก็บข้อมูลจากแปลงทดลองโครงการปลูกอ้อยข้ามแล้ง low chemical ที่ทำร่วมกับกลุ่มวังขนาย เพื่อเปรียบเทียบผลผลิตนั้น พบว่า จากการจัดการภายใต้แนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions ที่ผสมผสานระหว่างการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร (Machinery Solutions)และองค์ความรู้ด้านการเกษตร (Agricultural Solutions) จะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ไม่น้อยกว่า 20% เทียบกับการปลูกแบบดั้งเดิม แม้ว่าแปลงทดลองในปีที่ผ่านมาจะพบปัญหาภัยแล้งในช่วงกลางปี ซึ่งจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะส่งผลต่อกำไรต่อไร่ ที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
6. บทบาทของกลุ่มวังขนาย
คัดเลือกเกษตรกรในพื้นที่ส่งเสริมของวังขนายเข้าร่วมโครงการ สนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านบุคคลากร สถานที่ อุปกรณ์ และการบริหารจัดการด้านเกษตร เพื่อให้การดำเนินงานโครงการสำเร็จตามเป้าหมาย อีกทั้งประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อให้เกิดการรับรู้ในกลุ่มชาวไร่อ้อย หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และจัดกิจกรรมร่วมกัน
7. บทบาทของสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น
สนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านบุคคลากร สถานที่ เครื่องจักรกลการเกษตร และการบริหารจัดการด้านเกษตร เพื่อให้การดำเนินงานโครงการสำเร็จตามเป้าหมาย รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เครื่องจักรกลการเกษตคูโบต้า ด้วยการเสนอเงื่อนไขพิเศษเพื่อให้สมาชิกวังขนายเป็นเจ้าของได้ง่าย และมอบหมายให้ผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้าในพื้นที่ ในการจัดจำหน่าย บริการหลังการขาย และจัดกิจกรรมร่วมกัน
8. บทบาทของดินทอง
สนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านบุคคลากร สถานที่ อุปกรณ์ และการบริหารจัดการ ด้านเกษตร เพื่อให้การดำเนินงานโครงการสำเร็จตามเป้าหมาย รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ผลิตภัณฑ์จากดินทอง ด้วยการเสนอเงื่อนไขพิเศษอีกทั้งประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อให้เกิดการรับรู้ในกลุ่มชาวไร่อ้อย หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และจัดกิจกรรมร่วมกัน
9. ผู้บริหารร่วมลงนามในความร่วมมือ วันที่ 24 พ.ย. 2558
นายบุญญฤทธิ์ ณ วังขนาย ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มวังขนาย
นายนิเวช ง่วนสำอางค์ ผู้อำนวยการอาวุโสบริหารกิจการโรงงาน กลุ่มวังขนาย
นายอรรถ สมร่าง ประธานที่ปรึกษา บริษัทดินทอง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
นายสาริน ณ วังขนาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทดินทอง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
นายฮิโรชิ คาวาคามิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
นายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
นายสมบููรณ์ จินตนาผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขายและบริการ
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ข้อมูลโรงงานของกลุ่มวังขนาย
1. โรงงานน้ำตาลอุตสาหกรรมอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
ก่อตั้ง ปี พ.ศ. 2527
ที่ตั้ง ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
กำลังการผลิต 17,731 ตันอ้อยต่อวัน
2. โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี
ก่อตั้ง ปี พ.ศ. 2530
ที่ตั้ง ต.แก่งผักกูด อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี
กำลังการผลิต 21,000 ตันอ้อย/วัน
3. โรงงานน้ำตาลราชสีมาอ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา
ก่อตั้ง ปี พ.ศ. 2533
ที่ตั้ง ต.แก้งสนามนาง อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา
กำลังการผลิต 40,000 ตันอ้อยต่อวัน
4. โรงงานน้ำตาลวังขนาย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม
ก่อตั้ง ปี พ.ศ. 2550
ที่ตั้ง ต.แก้งแก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม
กำลังการผลิต 15,500 ตันอ้อยต่อวัน
ข้อมูลการปลูกอ้อย
การปลูกอ้อย จำนวนชาวไร่ (คน) จำนวนพื้นที่ (ไร่)
ปลูกอ้อยโลว์เคมิคอล 15,000 620,000
ปลูกอ้อยอินทรีย์ 1,000 30,000
รวม 16,000 650,000
ผลิตภัณฑ์น้ำตาลวังขนายแบ่งเป็น 2 เกรดคือ
1. Organic น้ำตาลปราศจากสารเคมี
2. Low Chemical เป็นการผลิตน้ำตาลที่ใช้สารเคมีน้อยที่สุด แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ ต้องเป็นเคมีที่ได้รับการรับรองจากทางกรมวิชาการเกษตรและสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ น้ำตาลที่ผลิตคือ น้ำตาลทรายขาว , น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ , น้ำตาลดีเมอเรร่า , น้ำตาลกรวด , น้ำตาลคาราเมล, น้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลเสริมแคลเซียม
ปัจจุบันกลุ่มวังขนายเป็นผู้ผลิตน้ำตาลทรายรายใหญ่ของประเทศ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แบ่งสัดส่วนสำหรับการจำหน่ายในประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ และส่งออกต่างประเทศ 70 เปอร์เซ็นต์ สำหรับน้ำตาลออร์แกนิค จำหน่ายในประเทศ 75 % และส่งออก 25 % โดยส่งออกน้ำตาลออร์แกนิค ไปที่ ทวีปเอเชีย ได้แก่ เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเลเซีย สิงค์โปร์ทวีปยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน โอเชียเนีย นิวซีแลนด์
การปลูกอ้อยอินทรีย์
• กลุ่มวังขนายได้ประกาศนโยบายการผลิตอ้อยอินทรีย์และน้ำตาลออร์แกนิค เมื่อปี พ.ศ. 2547
• เริ่มดำเนินการส่งเสริมและให้การสนับสนุนเกษตรกรปลูกอ้อยในระบบเกษตรอินทรีย์เมื่อปี พ.ศ. 2549 โดยส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยหันมาทำการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ IFOAM ((International Federation of Organic Agriculture Movement) และจัดตั้งระบบควบคุมภายใน (Internal Control System : ICS) เพื่อติดตามตรวจรับรองแปลงแปลงอ้อยอินทรีย์
• ขั้นตอนการปลูกอ้อยอินทรีย์ จะต้องไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ หรือ หยุดใช้สารเคมีมาแล้วอย่างน้อย 36 เดือน โดยมี 6 ขั้นตอน คือ
1. การคัดเลือก และ ปรับพื้นที่
2. การวางแผนจัดการสภาวะแวดล้อม ทั้งดิน น้ำ และอากาศ รวมถึงพืชกันชน
3. การปลูก และควบคุมดูแล รักษา อาทิ การกำจัดแมลง วัชพืช
4. การบันทึกข้อมูล เพื่อตรวจสอบ
5. การเก็บเกี่ยว
6. การดูแล รักษาตออ้อย ที่จะสร้างผลผลิตรุ่นต่อไป
• อ้อยอินทรีย์ของกลุ่มวังขนายผ่านการรับรองมาตรฐานของตลาดร่วมกลุ่มประเทศยุโรป (EEC 483/2007) , มาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา ( USDA-NOP) , มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น (Japan Agriculture Standard; JAS ) และมาตรฐานประเทศเกาหลี (Korean Organic Certification)
การผลิตและจำหน่ายน้ำตาลออร์แกนิค
• ผลิตเป็นน้ำตาลออร์แกนิคจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เมื่อปี 2554
• ปริมาณน้ำตาลออร์แกนิคที่ผลิตได้ จำนวน 15,000 ตัน
• กลุ่มวังขนายตั้งเป้าหมาย ภายใน 3-5 ปีนี้ จะเพิ่มปริมาณอ้อยอินทรีย์ให้ได้ถึง ร้อยละ 30 ของปริมาณอ้อยทั้งหมดของกลุ่มวังขนาย เพื่อผลิตเป็นน้ำตาลออร์แกนิคส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• ราคาจำหน่ายน้ำตาลออร์แกนิคในประเทศ ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ราคากิโลกรัมละ 26 บาท
• ราคาส่งออกน้ำตาลออร์แกนิค (FOB Price) สูงกว่าราคาขายปลีกในประเทศ 15 % - 50 % ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทำสัญญา
Organic Sugar ในตลาดโลก
ปริมาณผลิตน้ำตาลออร์แกนิคทั่วโลก (ปี2011) 339,133 ตัน ได้รับการรับรองเป็นพื้นที่ออร์แกนิค จำนวน 369, 625 ไร่ คิดเป็น 0.24% ของกำลังการผลิตทั่วโลก และเป็น 1% ของน้ำตาลที่ขายในตลาดส่งออกทั่วโลก
ผู้ส่งออกน้ำตาล organic (2011)
Source :IISD,H.Willer,FIBL,personalcommunication,August 26 ,2013.
แนวโน้มตลาดโลก
มีปริมาณการขายในตลาดโลกเติบโตขึ้น ระหว่างปี 2008-2012 มีการขึ้นมา 13% จาก 219,300 เป็น313,320 ตัน
ที่มา : SSI Review 2014
บริษัท ดินทองคอร์ปอเรชั่น จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2534 ภายใต้ชื่อ “บริษัทปุ๋ยหมักแผ่นดินทองจำกัด” และปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “บริษัท ดินทอง คอร์ปอเรชั่น จำกัด” สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ เลขที่ 43 อาคารไทยซีซีทาวเวอร์ ชั้น 29 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ทางบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลักเป็น “ผลิตปุ๋ยอินทรีย์” มีลักษณะการนำวัตถุที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล มาผลิตปุ๋ยอินทรีย์และบริการให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ มดเขียว “ และ “O Organic Gro “โดยมีโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อกระจายสินค้าสู่ภาครัฐและภาคเอกชน มีหน่วยผลิตปุ๋ยอินทรีย์ 3 แห่ง คือ
1. หน่วยผลิตราชสีมา 233 หมู่1 ต.แก้งสนามนาง ถ.นิเวชรัตน์ อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา 30120
2. หน่วยผลิตสุพรรณบุรี 99 หมู่3 ถ.อู่ทอง-อุทัยธานี ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี 72160
3. หน่วยผลิตลพบุรี 11 หมู่2 บ้านแก่งหิน ต.แก่งผักกูด อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี 15230
นับเป็นผู้ริเริ่มการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากผลพลอยได้ในอุตสาหกรรมน้ำตาลเป็นแห่งแรกๆของประเทศไทยโดยใช้การผลิตตามกรรมวิธีอันทันสมัยโดยใช้ระบบเทคโนโลยีชีวภาพมีกำลังการผลิตจากวัตถุดิบของกลุ่มวังขนายปีละหลายหมื่นตันและสามารถขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก จุดเด่นของปุ๋ยอินทรีย์จากบริษัทฯ คือไม่มีเศษวัสดุอื่นและมูลสัตว์เจือปน อุดมด้วยอินทรียวัตถุที่เป็นคุณค่าทางธาตุอาหารพืช สมบูรณ์ครบถ้วน
บริษัท ดินทอง คอร์ปอเรชั่น จำกัดได้มีการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘O Organic Gro’ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรอง ปัจจัยการผลิตเพื่อการค้า จากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) ให้ใช้เครื่องหมาย มกท.คู่กับเครื่องหมาย IFOAM accredited และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'มดเขียว' ซึ่งได้ผ่านการขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ ตาม พ.ร.บ ปี 50 จากกรมวิชาการเกษตร, และได้การรับรองปัจจัยการผลิตพืชอินทรีย์ (Organic Thailand) กรมวิชาการเกษตร
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จึงมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ที่ได้มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ และเหมาะสมที่นำไปใช้เพาะปลูกต้นไม้ พืชไร่ พืชผัก พืชสวน ได้ทุกชนิด ทั้งยังเพิ่มผลผลิตอย่างมีคุณภาพและบำรุงดูแลดินให้เหมาะสมต่อการปลูกพืชอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และยังได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนต่างๆ ในการให้บริษัทฯ สนับสนุนปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ในการปลูกพืชทดสอบ และเพาะขยายพันธุ์พืช เพื่อบริการประชาชน
บริษัทฯ จึงเป็นผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขนาดใหญ่ที่มีปริมาณและคุณภาพสูงในระดับแนวหน้าของประเทศและในปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้มีการผลิตสารสกัดชีวภาพ(น้ำหมักชีวภาพ) เพื่อใช้เร่งการเจริญเติบโตของพืช และใช้ในการบำบัดและลดกลิ่นเหม็นของน้ำ จากครัวเรือน บ่อน้ำทิ้ง คอกสัตว์ และบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
ผลิตภัณฑ์ของบริษัท แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ปุ๋ยอินทรีย์ ชนิดผง และ ชนิดเม็ด
2. ปุ๋ยอ้อยออร์แกนิค ชนิดผง และชนิดเม็ด
3. ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ
WANGKANAI-KUBOTA PROJECT PUSHES FORWARD SUGARCANE AND SUGAR INDUSTRY
Wangkanai Group, manufacturer of organic sugar, in collaboration with SIAM KUBOTA, leader in agricultural machinery industry in Southeast Asia, is launching a project titled 'Wangkanai-KUBOTA Pushes Forward Sugarcane and Sugar Industry' to help sugarcane farmers ease labour problems; and has set a target of 30% increase in organic sugarcane production by Wangkanai Group within 3-5 years. SIAM KUBOTA disclosed that using its agricultural machinery in the sugarcane farming will help enhance efficiency, lower capital, increase production and make the most use of available resources in compliance with government policies in promoting agriculture, both organic and safety.
Mr. Boonyarit Na Wangkanai, General Manager, Wangkanai Group, said, “Wangkanai-KUBOTA Pushes Forward Sugarcane and Sugar Industry” Project is being launched to help organic sugarcane farmers, and to support government policies regarding organic and safe agriculture. Wangkanai Group has established the organic sugarcane farm project for more than 15 years; and there are currently over 1,000 farmers involved in the project covering an area of approximately 30,000 rais of organic sugarcane farms.“In the beginning the Group thought it was sufficient to use general agricultural labour; however, at present, the Wangkanai Group is confident that the organic sugarcane farm project will continue to expand. Consequently, manual labour only, will not be able to cope with such expansion. It has become necessary to bring in machinery and related equipment to support the project. SIAM KUBOTA who is the leader in agricultural machinery in Southeast Asia as well as being renowned and recognized for its expertise in agricultural machinery in Thailand, is the most suitable partner to help push forward this project for organic sugarcane farmers to enjoy a stable income which in turn guarantees a better livelihood.”
Based on the latest figures in 2011, worldwide production of organic sugar stands at 339,133 tons covering a certified organic area of 369,625 rais. In Thailand the Wangkanai Group is currently the sole producer of organic sugar which has been certified by the European Union (EEC 483/2007), USA-NOP certification by the USA, Japan Agriculture Standard: JAS by Japan, and Korean Organic Certification since 2011. In the year 2015, the Group has been able to produce 15,000 tons of organic sugar with 75% distribution within the country and 25% overseas spanning from South Korea, Hong Kong, Malaysia, Singapore in Asia, France, The Netherlands, Germany, Oceania and New Zealand. Organic sugar distributed in department stores in Thailand is sold at 26 baht per kilo. The export price for organic sugar (FOB Price) is 15%-50% higher than retail price within the country depending on the amount stipulated in the contract. The Wangkanai Group has set a goal to raise organic sugarcane production to reach 30% of the total amount within 3-5 years – to be able to distribute as organic sugar both within the country and overseas.
Mr. Opart Dhanvarjor, Senior Executive Vice President, SIAM KUBOTA Corporation Co., Ltd. said, “This project results from the cooperation between Wangkanai Group and SIAM KUBOTA whose aim is to support organic sugarcane farmers in upgrading the efficiency of the production process, planting process, lower cost and increase productivity and yield as well as complying with government policies in promoting organic farming; promoting efficient use of KUBOTA agricultural machinery in the entire process starting from preparation stage to harvesting.
The whole process of organic sugarcane farming relying on KUBOTA (Agri) Solutions or Agriculture Solutions and Machinery Solutions of which SIAM KUBOTA is expert by using Implement to help grow sugarcane throughout the drought season as it helps to retain moisture and increase organic matter underground. This sugarcane planting machinery ,uses 1-2 persons with a production capacity of 20 rais per day which helps reduce labour costs in fertilizer, sugarcane grabbing and small tractor to eliminate weeds, lower use of chemicals and environmentally friendly. Therefore, raw materials used in the sugar production process are of good quality which in turn will produce organic sugar of high standards and suitable for consumers health; and also for a better livelihood for sugarcane farmers as well as build a good relationship between farmers, sugar factories, SIAM KUBOTA dealers and the company to strengthen our cooperation in promoting and maintain sustainability of the agricultural sector of Thailand’s sugarcane industry.”
For more details, please contact: -
Public Relations, Wangkanai Group, tel. 02-2100853 and 081-6285141
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ประชาสัมพันธ์ กลุ่มวังขนาย โทรศัพท์ 02-2100853 และ 081-6285141