WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Agricuttureก.เกษตร เผยมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว 3 โครงการ

   ก.เกษตร เผยมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว 3 โครงการ ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

1. โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2558/59

          1.1 วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทำให้เกษตรกรมีเงินเหลือเพื่อการดำรงชีพเพิ่มขึ้น เกิดการใช้จ่ายและการหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

          1.2 กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีหนี้เงินกู้คงเหลือเพื่อการผลิตข้าว โดยจำนวนเกษตรกรในโครงการประมาณ 1,161,110 ราย

          1.3 ระยะเวลาและแนวทางให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้กับ ธ.ก.ส. หรือสถาบันเกษตรกร

ณ วันที่ 1 เมษายน 2558 จะได้รับการลดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี จากต้นเงินกู้ไม่เกิน 80,000 บาทแรก เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ประกอบด้วย

                   1) กรณีกู้เงินก่อนวันที่ 1 เมษายน 2558 จะได้รับการลดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระคืนเสร็จแต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน

                   2) กรณีกู้เงินตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นมา จะได้รับการลดดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่วันรับเงินกู้จนกว่าจะชำระคืนเสร็จแต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน

          1.4 ประโยชน์ของโครงการ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับความช่วยเหลือในการลดต้นทุนการผลิตมีเงินเหลือเพื่อการดำรงชีพเพิ่มขึ้น เกิดการใช้จ่ายและการหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2558/59

          2.1 วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยชะลอปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าสู่ตลาดในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดและดำเนินการเก็บข้าวเปลือกไว้แปรรูปเป็นข้าวสารเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

          2.2 เป้าหมาย สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ซึ่งประกอบด้วย สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 12,500 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. คิดดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการเท่ากับ MLR-1 (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 5 ต่อปี) โดยคิดจากสถาบันเกษตรกรในอัตรา MLR – 3 และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกรในอัตราร้อยละ 2 ระยะเวลาในการขอรับเงินชดเชยดอกเบี้ยจากรัฐบาลไม่เกิน 12 เดือน

          2.3 ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 255830 กันยายน 2559

          2.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

                   1) ช่วยชะลออุปทานข้าวเปลือกในตลาดจากการรวบรวม แปรรูปข้าวของสถาบันเกษตรกร เพื่อรอจำหน่ายไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านตันข้าวเปลือก สถาบันเกษตรกรมีการแปรรูปข้าวสารเพิ่มขึ้น

                   2) สามารถลดภาระดอกเบี้ยแก่สถาบัน และเพิ่มมูลค่าจากการรวบรวมและแปรรูปข้าว

                   3) เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกร จะได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ไม่น้อยกว่า 1 ล้านครัวเรือน

                   4) สถาบันเกษตรกร มีความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจรวบรวม และแปรรูปข้าว

3. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59

          3.1 วัตถุประสงค์ เพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณมาก  ทำให้กลไกตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  และรักษาระดับราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ

          3.2 พื้นที่และเป้าหมาย ธ.ก.ส. จ่ายสินเชื่อชะลอการขายผลิตผล โดยใช้ข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวเป็นหลักประกัน จำนวนประมาณ 2 ล้านตันข้าวเปลือก ดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงินสินเชื่อ 26,740 ล้านบาท

          3.3 กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตันข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 จำแนกตามชนิดและชั้นคุณภาพข้าวเปลือก ดังนี้

ชนิดข้าวเปลือก      วงเงินสินเชื่อ (บาท/ตัน)

หอมมะลิ ลดส่วนต่างตามชั้นคุณภาพข้าวตันละ 200 บาท

               

ชนิดสีได้ต้นข้าว 36 กรัมขึ้นไป              13,500

               

ชนิดสีได้ต้นข้าว 31-35 กรัม 13,300

               

ชนิดสีได้ต้นข้าว 26-30 กรัม 13,100

               

ชนิดสีได้ต้นข้าว 20-25 กรัม 12,900

เปลือกเหนียว        

10% เมล็ดยาว      11,300

10% เมล็ดสั้น (คละ)             10,300

3.4 ระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการ และการรับชำระคืนเงินกู้

        (1) ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559

     (2) กำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้เสร็จสิ้นภายใน 4 เดือน นับถัดจากเดือนรับเงินกู้

     (3) ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2559

          3.5 กำหนดวงเงินกู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณข้าวเปลือก ชนิด และคุณภาพข้าวเปลือก ที่นำมาเป็นหลักประกัน

          3.6 หลักประกันการกู้เงินใช้การรับรองรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกันและข้าวเปลือกของเกษตรกรที่อยู่ในยุ้งฉางเป็นหลักประกันเงินกู้

      3.7 รัฐบาลช่วยเหลือค่าเช่าและค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรตันละ 1,000 บาท โดยเกษตรกรต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน และค่าใช้จ่ายในการระบายข้าวเปลือก (กรณีราคาตลาดต่ำกว่าวงเงินให้สินเชื่อต่อตัน และมีมาตรการระบายข้าวเปลือก)  ในอัตราไม่เกินตันละ 300 บาท

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!