- Details
- Category: เกษตร
- Published: Friday, 23 October 2015 19:47
- Hits: 2379
ก.เกษตรฯ ลงพื้นที่พบเกษตรกรทำความเข้าใจมาตรการบรรเทาภัยแล้ง พบน้ำในเขื่อนหลักเริ่มเพิ่มขึ้นหลังฝนตกหนักในภาคเหนือตอนบน
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนมาตรการบรรเทาผลกระทบภัยแล้งตามที่คณะรัฐมนตรีได้ เห็นชอบใน 8 มาตรการแล้วนั้น ในของมาตรการการจ้างงาน โดยการจ้างแรงงานชลประทาน ซึ่งได้เริ่มดำเนิน การแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 โดยจะเริ่มรายงานครั้งแรกวันที่ 15 ตุลาคม 2558 สำหรับ มาตรการอื่น ๆ อยู่ระหว่างส่วนราชการทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ
นอกจากนั้น ได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาภัยแล้งระดับจังหวัด ลงพื้นที่ชี้แจง สถานการณ์ผลกระทบและมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรผู้ได้รับผล กระทบใน 22 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ระหว่างวันที่ 9 - 22 ตุลาคม 2558 เกษตรกรเป้าหมาย 195,311 ราย มีเกษตรกรเข้าร่วมรับฟังแล้ว 23,637 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของเป้าหมาย
ด้านนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการเพาะปลูกข้าวนาปี 2558 ในเขตชลประทานทั้งประเทศ (ณ วันที่ 9 ต.ค.58) มีการเพาะปลูกแล้ว 14.16 ล้านไร่ จากแผน 15.78 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 89 มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากขาดน้ำในช่วง ต้นฤดูฝน 22,263 ไร่ และมีพื้นที่ที่ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว 5.29 ล้านไร่ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่นาปีต่อ เนื่องจำนวน 1.23 ล้านไร่ สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกแล้ว 6.27 ล้านไร่จากแผน 7.45 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 84 ยังเหลือพื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูก 1.18 ล้านไร่ ซึ่งมีพื้นที่ที่ได้รับ ความเสียหายเนื่องจากขาดน้ำในช่วงต้นฤดูฝน 21,644 ไร่ และมีพื้นที่ที่ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว 4.47 ล้านไร่ สำหรับพื้นที่นอกเขตชลประทานในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการเพาะปลูกแล้ว 5.54 ล้านไร่ พื้นที่ได้รับความเสียหาย 69,486 ไร่ และมีพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว 1.49 ล้านไร่
ปัจจุบันสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวม 42,853 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 57 เป็นปริมาตรน้ำใช้การได้ 19,050 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ขณะที่ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ และป่าสักชลสิทธิ์ รวม 4 เขื่อน มีปริมาตรน้ำในเขื่อน 10,329 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 42 คิดเป็นปริมาณ น้ำใช้การได้ 3,633 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่ง ณ วันที่ 1 พ.ย. 2558 จะมีความ ต้องการใช้น้ำไม่น้อยกว่า 3,677 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ปัจจุบันยังมีปริมาณน้ำน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 44 ล้าน ลบ.ม. แต่จากที่มีฝนตกชุกกระจายทางตอนบนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำไหล เข้า 4 เขื่อนหลักในลุ่มเจ้าพระยา อย่างต่อเนื่อง และเป็นแนวโน้มที่ดี คาดว่าเมื่อสิ้นสุดเดือน ต.ค. นี้ จะมีปริมาณน้ำใช้การได้ในเขื่อนทั้ง 4 แห่ง จะอยู่รวมกันประมาณ 3,600-3,700 ล้าน ลบ.ม. ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ซึ่งกรมชลประทานได้ติดตามการคาดการณ์ปริมาณฝนจากกรมอุตุ นิยมวิทยาอย่างใกล้ ชิด รวมถึงกรมฝนหลวงและการบินเกษตรก็เร่งปฏิบัติการดำเนินการเติมน้ำใน เขื่อน ด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่ม น้ำเจ้าพระยาทุกโครงการ บริหารจัดการน้ำท่าที่เกิดจากปริมาณฝนที่ตกในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการผันน้ำท่าที่เหลือไปเก็บกักไว้ในพื้นที่ที่ยังสามารถเก็บน้ำ ได้ เพื่อเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย