- Details
- Category: เกษตร
- Published: Saturday, 12 September 2015 11:14
- Hits: 5696
กยท.เร่งออกประกาศขึ้นทะเบียนเกษตรกร-สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเร็วๆนี้
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการขึ้นทะเบียนเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการร่างเพื่อนำเสนอเป็นประกาศคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยฉบับสมบูรณ์ โดยจะเปิดโอกาสให้เกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้มีความรู้ความสามารถมาเป็นที่ปรึกษาร่วมให้ความคิดเห็น เมื่อดำเนินการเรียบร้อย นอกจากจะได้ฐานข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อคัดสรรผู้แทนชาวสวนยางมาเป็นกรรมการบริหารการยางแห่งประเทศไทยแล้ว ยังทำให้มีฐานข้อมูลยางพารา สำหรับใช้บริหารจัดการพร้อมทั้งวางแผนพัฒนายางพาราอย่างเป็นระบบ รวมถึงการรักษาเสถียรภาพราคายางด้วย
นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย จะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยได้ประโยชน์ในการได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนตามกฎหมาย ทั้งด้านการประกอบอาชีพสวนยาง การทำอาชีพเสริม การปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การแปรรูป และได้รับสวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐในรูปแบบต่างๆ อีกทั้ง ยังได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนอีกมากมาย เช่น การจัดหาปัจจัยการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีความรู้วิชาการ
ส่วนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้นั้น จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้ดำเนินกิจกรรม สร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ การรวบรวมผลผลิต การปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การตลาด และการแปรรูปเพิ่มมูลค่ายางในเชิงพาณิชย์ ตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่าย สร้างความร่วมมือกันระหว่างสถาบันเกษตรกร รวมถึงการจัดหาวัสดุครุภัณฑ์ด้านการตลาด การพัฒนาบุคลากรของสถาบันเกษตรกร การสร้างแรงจูงใจให้สถาบันเกษตรกรพัฒนาไปสู่ความเข้มแข็ง และยั่งยืน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เชื่อมั่นว่าการขึ้นทะเบียนดังกล่าว จะเป็นแนวทางสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหายางพาราได้ และชาวสวนยางจะได้รับประโยชน์ทั่วถึงกัน ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายการยางแห่งประเทศไทยอย่างแน่นอน
อินโฟเควสท์
กยท.เน้นใช้โซนนิ่ง-เพิ่มดีมานด์-พัฒนาอุตฯ ยางล้อ-ใช้ระบบแบ่งผลประโยชน์ สร้างเสถียรภาพราคา
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยถึงแนวทางการสร้างเสถียรภาพราคายางพาราว่า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านราคายางของประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบธุรกิจยาง ผู้ส่งออก และเกษตรกรชาวสวนยาง จำเป็นต้องมีส่วนร่วมพัฒนา 4 เรื่องหลัก คือ 1.จัดพื้นที่ปลูกยางให้มีความเหมาะสมในรูปแบบโซนนิ่ง และต้องมีข้อมูลแหล่งผลิตและปริมาณผลผลิตที่ชัดเจน 2.เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นทุกรูปแบบ 3.เร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางล้อยานยนต์ และ4.ต้องมีการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ส่งออกและเกษตรกรชาวสวนยาง โดยใช้หลักการเดียวกับอ้อย และมีสวัสดิการให้กับชาวสวนยางด้วย
ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางพาราของไทยกระจายอยู่ทั่วประเทศ ภาครัฐจำเป็นต้องบริหารจัดการให้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งยังต้องบริหารจัดการและควบคุมปริมาณผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ด้วย เป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำและยกระดับราคาให้สูงขึ้นได้
สำหรับ การส่งออกยางของไทยขณะนี้ยังต้องพึ่งพิงตลาดยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยางขั้นต้นหรือไพรมารีโปรดักส์ (Primary product) หากไทยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูปหรือฟีนิชโปรดักส์ (Finish product) ให้มีความหลากหลายมากขึ้นและส่งออกได้ เช่น ยางล้อยานยนต์ จะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศพร้อมเพิ่มมูลค่าสินค้า และแก้ไขปัญหาราคายางได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันควรลดวิธีการซื้อขายยางแบบเก็งราคา และมุ่งพัฒนาตลาดซื้อขายยางแบบส่งมอบจริง เพื่อแก้ปัญหาการปั่นราคาและเก็งกำไร เป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้" นายสมชายกล่าว
นอกจากนั้น การส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้จากการทำการเกษตรผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงในอาชีพมากขึ้น หากยางมีราคาถูกก็หยุดกรีดเป็นการชั่วคราว แต่ยังสามารถหารายได้จากการทำเกษตรผสมผสานในสวนยาง และลดค่าใช้จ่ายจากการปลูกพืชผักสวนครัว หรือเลี้ยงสัตว์ได้อีกทางหนึ่ง เพื่อมาทดแทนในช่วงเวลาดังกล่าว
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ไทยจำเป็นต้องเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางล้อ โดยเร่งส่งเสริมให้สร้างโรงงานผลิตยางล้อที่ทันสมัย และพัฒนาศูนย์ทดสอบคุณภาพยางล้อให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสากล เพื่อสนับสนุนการผลิตและส่งออกยางล้อยานยนต์ไปต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดส่งออกยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน ยางคอมปาวด์ และยางกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ยางขั้นต้นก็จำเป็นต้องรักษาไว้เช่นกัน ซึ่งคาดว่า ภายในเวลา 3 ปี ราคายางจะมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
“การแบ่งผลประโยชน์ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจยาง ผู้ส่งออก เกษตรกรชาวสวนยาง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถใช้แนวทางการบริหารจัดการอ้อยและน้ำตาลมาเป็นต้นแบบได้ คือ โรงงานกับชาวไร่เหมือนกับหุ้นส่วนกัน และรัฐบาลเป็นคนกลาง โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการบริหารจัดการเรื่องแบ่งผลประโยชน์ให้ชัดเจน จะทำให้ราคายางมีความคงที่มากขึ้น ซึ่งทั้ง 4 ประเด็น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนในระยะเริ่มต้น คาดว่า จะเป็นกลไกทำให้ราคายางมีเสถียรภาพมากขึ้นได้ภายใน 3 ปีนี้" นายสมชาย กล่าว
อินโฟเควสท์