WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Agriเกษตรฯ แจง น้ำในเขื่อนไม่พอ วอนเกษตรกรร่วมมือ ด้านรัฐ เตรียมมาตรการสร้างรายได้-ลดค่าใช้จ่าย

      สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย ชาวนายังทำนาปรัง ส่งผลการปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือน้อยเพียง 3,800 ล้านลูกบาศก์เมตร แนะเกษตรกรงดกิจกรรมทางการเกษตรไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคมเพื่อรอปริมารน้ำที่เพียงพอ เผย กระทบจีดีพีภาคเกษตรลดลง ด้านภาครัฐเตรียมแนวทางกระตุ้นรายได้และลดค่าใช้จ่ายแล้ว

      นายเลอศักดิ์  ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ออกประกาศประกาศงดส่งน้ำ สำหรับเพาะปลูกข้าวนาปรัง ในพื้นที่จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแนะนำถึงปลูกพืชฤดูแล้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 นั้น ปรากฏว่า ยังมีชาวนาที่ฝ่าฝืนประกาศทำนาปรังไปรวมกว่า 6.87 ล้านไร่ทั้งนอกเขตและในเขตชลประทาน จากที่กำหนดไว้แค่ประมาณ 2 ล้านไร่ (นอกเขตชลประทาน) โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาในเขตชลประทานที่ให้งดทำนาปรัง พบว่ามีการปลูกถึง 3.78 ล้านไร่ จึงส่งผลให้การใช้น้ำในเชื่อนหลัก ทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีการใช้น้ำรวมทั้งสิ้น 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้เหลือน้ำในเขื่อนสำหรับการเพาะปลูกข้าวนาปีระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคมนี้ เพียงประมาณ 3,800 ล้านลูกบาศก์เมตร

     ในเรื่องดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวนาปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กอปรกับปริมาณน้ำฝนของภาคกลางและภาคเหนือในปีนี้ที่คาดว่าจะต่ำกว่าเกณฑ์ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดกิจกรรมการทางการเกษตรที่เคยดำเนินการไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม เพื่อรอปริมาณน้ำฝนและน้ำในเขื่อนที่มีปริมาณเพียงพอต่อการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางการเกษตร

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สนับสนุนให้เกษตรกรหันมาดำเนินกิจกรรมด้านอื่นๆ เช่น การเรียนรู้นวัตกรรมและองค์ความรู้ทางการเกษตรใหม่ๆ หรือผ่านศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ 882 ศูนย์ ทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะมีกิจกรรมให้เกษตรกรได้เลือก ทั้งการเรียนรู้ฟาร์มตัวอย่าง แปลงสาธิต การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ องค์ความรู้ด้านเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น โดยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะมีการจัดทำโครงการต่างๆเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

      เลขาธิการ สศก. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ในส่วนของเงินทุนหมุนเวียนนั้นที่รัฐบาลได้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาทั่วประเทศที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ประมาณ60,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการในมาตรการต่างๆ เช่น การลดต้นทุนการผลิต การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิต และให้ ธ.ก.ส.สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้สหกรณ์การเกษตรและสถาบันเกษตรนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อ GDP ภาคเกษตรที่ลดลง ในช่วงระยะเวลาที่ขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการดำเนินกิจกรรมทางเกษตรไปจึงถึงต้นเดือนสิงหาคม 2558 ทั้งนี้ ภาครัฐ ได้มีแนวทางช่วยเหลือและมาตรการรองรับอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และแนวทางการลดค่าใช้จ่าย รวมทั้ง ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมแผนการช่วยเหลือแล้วในระยะต่อไป

 

พื้นที่ (ไร่)                               ข้าวนาปี 2558/59  ภาพรวมทั้งประเทศ

ผลผลิตต่อไร่ (กก.)        ผลผลิต (ตัน)       ราคาขาย (บาท/เกวียน)     มูลค่าทั้งสิ้น (ล้านบาท)

61,179,100             434               26,551,729            7,500                 199,138

พื้นที่ (ไร่)                          ข้าวนาปี 2558/59  เฉลี่ยภาคกลาง (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา)

ผลผลิตต่อไร่ (กก.)        ผลผลิต (ตัน)       ราคาขาย (บาท/เกวียน)    มูลค่าทั้งสิ้น (ล้านบาท)

13,256,206             614               8,139,310             7,500                  61,045

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ( มิถุนายน 2558)

                สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

ขอ 22 จังหวัดงดทำนาปี หลังพบน้ำในเขื่อนป่าสักเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์

      สำนักงานชลประทานที่ 10 ขอชาวลพบุรี และชาวบ้านที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด ชลอการทำนาปี เนื่องจากน้ำในเขื่อนป่าสักเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์

    นายอัตพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี เผยถึงสถานการณ์น้ำ ว่าหลายเขื่อนหลักปริมาณน้ำน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากฝนตกลงมาน้อยและทิ้งช่วงนาน น้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวนาปี จึงขอความร่วมมือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และชาวบ้านที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด 22จังหวัด ชลอการทำนาปีออกไปก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำมีน้อย

     ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาณน้ำเพียง 98 ล้านลูกบาศก์เมตร (10 เปอร์เซ็นต์) ของความจุเขื่อน ส่วนการระบายอยู่ในช่วงนี้อยู่ที่ 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงทำให้ได้รับผลกระทบในพื้นที่เกษตรท้ายเขื่อน ทั้งจังหวัดสระบุรี อยุธยา ปทุมธานี จึงขอเตือนชาวนาในลุ่มเจ้าพระยา ป่าสัก ขอให้ชลอการทำนาปีในช่วงนี้ก่อน รอจนกว่าจะมีฝนตกลงมาค่อยเริ่มทำนา เพื่อป้องกันความเสียหายต่อไป

                อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!