- Details
- Category: เกษตร
- Published: Sunday, 24 May 2015 19:07
- Hits: 1658
นายกฯวอนทุกฝ่าย ร่วมยกระดับข้าวไทย ชี้โครงสร้างการผลิต
แนวหน้า : นายกฯวอนทุกฝ่าย ร่วมยกระดับข้าวไทย ชี้โครงสร้างการผลิต ต้องปรับปรุงทั้งระบบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “Thailand Rice Convention 2015” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพผู้นำการส่งออกข้าวคุณภาพดีให้คู่ค้าจากทั่วโลกและกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย” โดยย้ำการที่จะทำให้ข้าวไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจะต้องปรับโครงสร้างข้าวไทยทั้งระบบ คงไม่ดีใจแม้ปีที่ผ่านมาไทยจะส่งออกข้าวสูงกว่า 10.97 ล้านตัน หรือมูลค่ากว่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะหากข้าวไทยในอนาคตไม่มีคุณภาพจะทำให้แข่งขันลำบาก ซึ่งขณะนี้ หลายประเทศเริ่มปลูกข้าวและมีคุณภาพ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ห่วงโซ่การเพาะปลูกข้าวไทยจะต้องปรับไปในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก การตลาดการสร้างมูลค่าเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าข้าวไทยจะดังไปทั่วโลกได้ขึ้นอยู่กับการร่วมมือของคนในชาติและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าเมียนมา ลาว ก็ปลูกข้าว และให้ความสนใจเรื่องคุณภาพข้าวค่อนข้างมาก ไทยจึงต้องร่วมมือค้าข้าวกับประเทศเพื่อนบ้านในการยกระดับราคาข้าวของไทยและประเทศเพื่อนบ้านไปในทิศทางเดียวกันแม้จะมีการแข่งขัน เพราะหากยกระดับได้ก็จะทำให้ข้าวไทยและข้าวประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก
“รัฐบาลต้องดูแลว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ชาวนากว่า 4 ล้านครัวเรือน สามารถเพาะปลูกข้าวมีรายได้ที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ หากเกษตรกรไทยกว่า 4 ล้านครัวเรือน ผันตัวเองไปทำอุตสาหกรรมหรือด้านบริการจะทำให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวหายไปจากระบบ ทำให้อนาคตประเทศไทยจะไม่มีลูกหลานสืบทอดวิถีไทยเพาะปลูกข้าว โดยรัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและแก้ไขในห่วงโซ่การเพาะปลูกข้าวให้เป็นที่ยอมรับและถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงโครงสร้างข้าวทั้งระบบทั้งการผลิตจนถึงการเพาะปลูกและการทำตลาด ซึ่งจะต้องไม่ทำให้กลไกตลาดข้าวบิดเบือน และควรให้ระบบค้าข้าวไทยเป็นไปตามกลไกตลาด พร้อมทั้งจะต้องจัดระบบการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลสั่งการไปแล้วว่าจะทำอย่างไรในพื้นที่ใดที่เกิดปัญหาภัยแล้งหรือพื้นที่ใดเกิดปัญหาน้ำท่วม เพื่อให้พื้นที่ต่างๆ สามารถรองรับการเพาะปลูกข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นว่าปัจจุบันเกิดผลกระทบด้านต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะปัญหาภัยธรรมชาติ จึงจำเป็นที่เกษตรกรจะต้องเชื่อฟังคำชี้แนะของส่วนราชการ พร้อมทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลจะต้องวางกรอบบริหารงาน การจัดการ เพื่อรองรับปัญหาจากภัยธรรมชาติ และมองว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้น หากไทยยังไม่ปรับตัว ซึ่งไทยเป็นประเทศเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ จึงต้องมีการปรับไปในทิศทางเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การแก้ไขปัญหาปรับโครงสร้างข้าวทั้งระบบ ไม่ใช่จะแก้ปัญหาได้ให้เสร็จภายใน 1-2 ปี แต่การปรับโครงสร้างเป็นห่วงโซ่จำเป็นต้องแบ่งการปรับเป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อให้ไทยสามารถเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าการบริโภคไปสู่ตลาด
ดัน 3 วิธีสู่ผู้นำตลาดข้าวโลก'บิ๊กตู่' ขู่ฟ่อโรงสีไร้มาตรฐานสั่งเช็กบิลทันที
บ้านเมือง : 'บิ๊กตู่'เปิดงานประชุมผู้ค้าข้าวโลก ดันยุทธศาสตร์สู่ผู้นำตลาดโลก ชี้ 3 ยุทธศาสตร์พัฒนาข้าว ส่งเสริมชาวนาเข้มแข็ง พร้อมผลักดัน ระบบโรงสีไร้ให้ได้มาตรฐาน สร้างกลไกการค้าให้เป็นธรรม แย้มเปิดขายในทำเนียบ
เมื่อเวลา 09.15 น. ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานานชาติ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมผู้ค้าข้าวโลก "Thailand Rice Convention 2015" พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย"
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาข้าวไทยให้มีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มุมมองในเชิงยุทธศาสตร์ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การค้าข้าวในตลาดโลกและบทบาทของประเทศไทย ตลาดข้าวได้ขยายอย่างต่อเนื่องไปสู่ทุกภูมิภาคของโลก เศรษฐกิจของประเทศไทยขับเคลื่อนโดยภาคการค้าระหว่างประเทศ มีสัดส่วนมูลค่ากว่าร้อยละ 70 ของผลผลิตมวลรวมทั้งประเทศ การส่งออกข้าวซึ่งเป็นผลผลิตหลักของประเทศไทยจึงเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ ซึ่งในปี 2014 ที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้มากที่สุดในโลก ปริมาณ 10.97 ล้านตัน เป็นมูลค่าสูงถึง 5,439 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรวมทั้งประเทศไทย จะต้องเผชิญกับความผันผวนและภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพเยี่ยมให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกซึ่งในปี 2015 นี้
นายกฯ กล่าวอีกว่า 2.แนวโน้มและโครงสร้างอุปสงค์และอุปทานข้าวไทย 3.แผนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาข้าวไทย เนื่องจากการผลิตและการค้าขายข้าวจะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ที่สะท้อนความไม่แน่นอนของตลาดค้าข้าวทั้งระดับโลกและภายในประเทศ และแนวโน้มการแข่งขันที่สูงขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรชาวนามีความเข้มแข็ง รวมทั้งมีระบบการค้าที่เป็นธรรมไม่บิดเบือนตลาด การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวนั้นจะดำเนินการ 7 ด้านหลัก คือ 1.แผนการพัฒนาข้าวที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ 2.การสร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าข้าว โดยรัฐบาลจะดูแลการค้าข้าวให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมตามกลไกตลาด 3.การส่งเสริมและผลักดันการใช้มาตรฐานการผลิตและการค้าให้ได้มาตรฐานสากล
"รัฐบาลจะจัดให้มีระบบการควบคุมตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน ผลักดันให้ผู้ประกอบการโรงสีปรับปรุงการสีแปรสภาพให้ได้ตามมาตรฐานจีเอ็มพี จัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบ และรับรองคุณภาพมาตรฐานเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และปรับปรุงกฎกติกาการส่งออกข้าว ป้องกันการปลอมปน 4.การพัฒนาศักยภาพระบบการค้าข้าวและการตลาด ไทยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกข้าวที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกระดับ" นายกฯ กล่าวถึงการปรับแผนยุทธศาสตร์การค้าแบบโรงสี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ ออกตรวจสอบโรงสีทั่วประเทศ ว่ามีคุณภาพจริงหรือไม่ เพราะทุกปีรัฐต้องใช้เงินจ้างโรงสีดูแลสต๊อกข้าววงเงินเป็นหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากพบว่า โรงสีใดไม่มีคุณภาพก็ต้องถูกปิด จากนั้นรัฐจะจ้างโรงสีในระบบของสหกรณ์ที่อาจทำเป็นโรงสีย่อย หรือโรงสีกลาง เข้ามาดูแลแทน ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ได้มอบเป็นนโยบายให้ทำโดยเร็ว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์พัฒนาข้าวประเด็นที่ 5.การสร้างค่านิยมการบริโภคข้าว โดยสอดแทรกวัฒนธรรมข้าวไทยเข้าไปในทุกๆ กิจกรรม ทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ 6.การส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและการแปรรูปข้าว และ 7.การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทานรัฐบาลมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคเกษตรกร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โลกในวันข้างหน้าต้องเป็นลักษณะที่รัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวก ร่างกฎหมายคุ้มครอง และเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามา แต่ต้องมีการเผื่อแผ่แบ่งปันในห่วงโซ่ของตัวเองด้วย อย่ารวยคนเดียว ให้เป็นไปตามกลไกแข่งขันการตลาด วันนี้เรามีความร่วมมือกันในประเทศนำเข้าและส่งออกมากพอสมควร และวันนี้เรามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ และไม่ใช่เขตอุตสาหกรรมพิเศษ อย่าไปต่อต้าน หลายจังหวัดไม่อยากให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะอุตสาหกรรมจะลงมา ไม่เข้าใจอีกแล้ว ตนพูดไม่ค่อยฟัง ซึ่งในนั้นมีทั้งการค้าการบริการ โรงแรม นี่คือภาคหนึ่งในจังหวัดนั้น ฉะนั้นต้องลงทุนให้สอดคล้องกับต้นทุนที่มีตรงนั้น ซึ่งตอนนี้เราไม่มีสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร (gsp) อย่าไปโวยวาย แต่เราต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นประเทศที่เป็นผู้ให้เขาบ้าง ไม่ใช่เป็นผู้รับมาโดยตลอด เราไปขอใครไม่ได้อีกแล้ว เราต้องเข้มแข็ง
'ตู่'จี้ตรวจคุณภาพโรงสีพ่อค้าหนุนโรดโชว์ข้าว
ไทยโพสต์ : เมืองทองธานี *'บิ๊กตู่' สั่งพา ณิชย์ตรวจโรงสีทั่วประเทศ หากพบไม่มีคุณภาพ ดึงสหกรณ์เสียบแทน "ฉัตรชัย" รับตลาดข้าวไม่คึกคัก ชี้ราคาสูงแข่งลำบาก ด้านพ่อค้าหนุนรัฐลุยโรดโชว์ขายข้าวต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย" ในงานประชุม Thailand Rice Convention 2015 จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ว่า ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ออกตรวจสอบโรงสีทั่วประเทศว่ามีคุณภาพจริงหรือไม่ เพราะทุกปีรัฐต้องใช้เงินจ้างโรงสีดูแลสต็อกข้าววงเงินเป็นหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากพบว่าโรงสีใดไม่มีคุณภาพก็ต้องถูกปิด จากนั้นรัฐจะจ้างโรงสีในระบบของสหกรณ์ที่อาจทำเป็นโรงสีย่อย หรือโรงสีกลาง เข้ามาดูแลแทน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีแผนระยะสั้น และระยะยาวในการยกระดับราคาข้าว โดยระยะสั้น ต้องจำกัดผลผลิตออกมาให้มีความเหมาะสม ลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังลง ส่วนระยะยาว ต้องพัฒนาประ สิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างมูลค่าข้าวขึ้น โดยตามแผนในปี 2564 จะ ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวได้เพิ่ม 25% และลดต้นทุนการผลิตได้อย่างน้อย ตันละ 20%
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดข้าวของไทยยังไม่คึกคัก เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และยอมรับว่าข้าวไทยมีราคาสูงกว่าข้าวจากเพื่อนบ้าน ทำให้แข่งขันได้ลำบาก ทำให้ต่อไปไทยต้องเน้น ผลิตข้าวที่มีคุณภาพออกมาจำ หน่าย รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ส่วนเป้าหมายการส่งออกข้าวทั้งปี ยังคงเป้าหมายที่ 10 ล้านตัน และจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้นำเข้าต่อเนื่อง
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาทั้งการลดต้นทุนการผลิต การรวมแปลงปลูกข้าว การลดพื้นที่การปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม หรือการโซนนิ่งและมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม รวมทั้งยังต้องการให้ภาครัฐโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้าข้าวไทย ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แอฟริกา.