- Details
- Category: เกษตร
- Published: Sunday, 10 July 2022 14:11
- Hits: 2255
กระทรวงเกษตรฯ ไทย-ญี่ปุ่น ตกลงขยายความร่วมมือมิติใหม่เชื่อม 4,200 องค์กรบนแพลตฟอร์ม FKII เพิ่มโอกาสการค้าการลงทุน 2 ประเทศ ‘อลงกรณ์’เผยเน้นการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตการแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง รวมทั้งอาหารแห่งอนาค ตและระบบโลจิสติกส์ความเย็นสินค้าเกษตร
รายงานจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว วันนี้ (6 ก.ค.) แจ้งว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว นายโชติ พึงเจริญพงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ นายสกนธ์ วนาเศรษฐี ที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว
และคณะ หารือกับนายคูนิอากิ คาวามูระ (Mr. Kuniaki Kawamura) ประธานสภาความร่วมมือภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และภาครัฐ (The Council of Industry-Academia-Government Collaboration) ซึ่งมีแพลตฟอร์มเพื่อการวิจัยและพัฒนาในการเป็นแหล่งองค์ความรู้ การบูรณาการและนวัตกรรม (Filed for Knowledge, Integration & Innovation หรือ FKII) อยู่ภายใต้กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) โดยมีนายโอคูมะ ราเคชิ (Mr. Okuma Rakeshi) เป็นผู้อำนวยการ FKII และทีมงานร่วมประชุมที่กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว
นายอลงกรณ์ พลบุตร กล่าวว่า การเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการให้ขยายความร่วมมือทางด้านการเกษตรกับประเทศญี่ปุ่นในมิติต่างๆ ภายหลังจาก นายเก็นจิโร คาเนโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น พร้อมคณะ เข้าพบหารือกับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในวาระครบรอบ 135 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ
โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญอันดับ 2 ของไทย มีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 11.35 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดโลก เป็นการสนองตอบต่อนโยบายเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของญี่ปุ่น ซึ่งผลิตอาหารได้ 37% ของความต้องการในประเทศ ดังนั้นความร่วมมือระหว่าง 2 กระทรวง และภาคีภาคส่วนต่างๆ จะช่วยเติมเต็มนโยบายของกันและกัน พร้อมกันนั้น นายอลงกรณ์ ได้แสดงความชื่นชม FKII ที่สามารถสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ในหลากหลายด้าน อาทิ เกษตรอัจฉริยะ อาหารสุขภาพ เกษตรกรรมยั่งยืนฯลฯ
โดยเฉพาะงานด้านเกษตรกรรมยั่งยืน (Sustainable agriculture) ที่ FKII มีแพลตฟอร์มเพื่อการวิจัยและพัฒนาถึง 72 กลุ่ม สอดคล้องกับแนวนโยบายของ รมว.เกษตรฯ ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นแหล่งอาหารของโลก โดยการวิจัยและพัฒนาการใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ให้คุณค่าทางสารอาหาร ในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการเกิดปัญหาภาวะโลกร้อน และลดการสูญเสียอาหาร (Food loss) โดยนายอลงกรณ์ ให้ความสนใจกับการวิจัยและพัฒนาของ FKII
และต้องการที่จะสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาร่วมกันในหลายประเด็น อาทิ อาหารจากพืช (Plant-based Food) อาหารจากแมลง (edible insect) ผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายสำหรับเป็นอาหารคนและอาหารสัตว์ ยาและเครื่องสำอาง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) และศูนย์ความเป็นเลิศ (COE) ซึ่งมีการศึกษาวิจัยในเรื่องดังกล่าวเพื่อพัฒนาการผลิตการแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูงตามนโยบายของ รมว.เกษตรฯ หากได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันจะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ยังให้ความสนใจด้านระบบการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพสินค้า (Cold Chain logistics) เพื่อเพิ่มความสามารถในการขนส่งสินค้าเกษตรและอาหาร เพิ่มมูลค่าทางการค้าและลดความสูญเสียอาหารได้ด้วย ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยมีสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว เป็นผู้ประสานความร่วมมือต่อไป
ด้านนายคูนิอากิ คาวามูระ ประธานสภาความร่วมมือฯ และนายโอคูมะ ราเคชิ ผู้อำนวยการ FKII ตอบตกลงและมีความยินดีที่จะร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันกับฝ่ายไทย โดยจะได้ประสานงานผ่านสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว ต่อไป
ปัจจุบัน FKII มีสมาชิกกว่า 4,200 คน จากบริษัทผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร ผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีก สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถานทูตต่างๆกว่า 68 แห่งในญี่ปุ่น มีแพลตฟอร์มเพื่องานวิจัยและพัฒนารวม 171 กลุ่ม .