- Details
- Category: เกษตร
- Published: Saturday, 12 February 2022 20:15
- Hits: 8972
กรมประมง จัดพิธีประกาศ 'ปิดอ่าวทะเลอ่าวไทย' 15 ก.พ.นี้ Start ! ควบคุมการทำประมงฤดูปลามีไข่ 3 จังหวัด ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ พร้อมเปิดตัว Fisherman Market ตลาดนัดสินค้าประมงพื้นบ้าน มีคุณภาพจากชาวประมง ส่งตรงถึงผู้บริโภค
ณ บริเวณชายทะเลอ่าวประจวบคีรีขันธ์ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรมประมงจัดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2565 (ปิดอ่าวไทย) โดยครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค. นี้ และกำหนดพื้นที่ควบคุมต่อเนื่องจากมาตรการปิดอ่าวฯ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. บริเวณพื้นที่อ่าวประจวบฯ
พร้อมเปิดโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค (Fisherman Market) และมอบพันธุ์สัตว์กุ้งก้ามกรามกว่า 700,000 ตัว ให้ผู้นำชุมชนไปปล่อยเพื่อเพิ่มผลผลิตลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกว่า 220,000 ตัว ลงในอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีฯ โดยมีนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง และนายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับ
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า มาตรการ 'ปิดอ่าวไทย' เป็นมาตรการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในฝั่งทะเลอ่าวไทย มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำให้กรมประมงดำเนินมาตรการอนุรักษ์เพื่อรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความยั่งยืนและให้เกิดความสมดุลเหมาะสมกับการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวประมง โดยมอบหลักการปฏิบัติงานยึดหลัก 3 ป. คือ การป้องกัน การป้องปราม และการปราบปราม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นสำคัญด้วย
โดยในปีนี้ กรมประมง ยังดำเนินมาตรการปิดอ่าวไทย ในช่วงเวลาและพื้นที่เดิม รวมถึงเครื่องมือที่อนุญาตให้ใช้บางชนิดซึ่งเป็นของกลุ่มประมงขนาดเล็กและไม่กระทบกับมาตรการปิดอ่าวไทย เนื่องจากผลการดำเนินมาตรการฯ ในปีที่ผ่านมา ยังคงสอดคล้องกับวงจรชีวิตปลาทู สามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน โดยการสำรวจแต่ละช่วงเวลาพบว่า ตั้งแต่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค. ในเขตพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี พบพ่อแม่พันธุ์ปลาทูมีความสมบูรณ์เพศ ขนาดความยาวเฉลี่ย 18.5 เซนติเมตร
และพร้อมผสมพันธุ์ และมีการแพร่กระจายของลูกปลาทู-ปลาลัง และปลาเศรษฐกิจขนาดเล็ก และช่วงเวลา 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. ในเขตชายฝั่งทะเลตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี พบลูกปลาวัยอ่อนที่เกิดบริเวณพื้นที่มาตรการมีโอกาสเลี้ยงตัวบริเวณชายฝั่ง และในเขตต่อเนื่องปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพบลูกปลาขนาดเล็ก เดินทางเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อให้ปลาทูสาวให้เจริญเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป
สำหรับ พิธีประกาศปิดอ่าวไทยในปีนี้เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องชาวประมงมาร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศปิดอ่าวฯ และร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมปล่อยขบวนเรือเจ้าหน้าที่เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศใช้มาตรการดังกล่าว โดยมีเรือตรวจประมงทะเลเข้าร่วมขบวนทั้งสิ้น 8 ลำ ตลอดจนพี่น้องประมงพื้นบ้านจากหลายพื้นที่ มาแสดงเจตจำนงในความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้มอบหนังสือรับรองมาตรฐานการทำประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนให้แก่ชาวประมงพื้นบ้าน จำนวน 8 ราย มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และมอบพันธุ์กุ้งก้ามกราม จำนวน 700,000 ตัว ให้แก่ผู้นำชุมชน นำไปปล่อยเพื่อเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน ณ แม่น้ำปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง จำนวน 220,000 ตัว ประกอบด้วย กุ้งกุลาดำ 100,000 ตัว กุ้งแชบ๊วย 100,000 ตัว และปลากะพงขาว 20,000 ตัว ลงในอ่าวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตลงในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งด้วย
โดยไฮไลท์สำคัญสำหรับกิจกรรมในวันนี้ คือ การเปิดงานโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค (Fisherman Market) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีความห่วงใยต่อพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านที่ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพ เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
โดยเฉพาะด้านช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิต จึงได้สั่งการให้กรมประมงเปิดช่องทางการตลาดสำหรับกระจายผลผลิต จำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำเพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ รวมถึงสนับสนุนพัฒนาทักษะการขาย การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงในระยะยาวต่อไป ในพื้นที่จังหวัดชายทะเล ทั้ง 23 จังหวัด
โดยในส่วนกลาง กรมประมงได้เปิดตลาด Fisherman Market ในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เพื่อให้ชาวประมงพื้นบ้านได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ คุณภาพดี มีมาตรฐาน มาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้ร่วมอุดหนุนในราคาสุดพิเศษ ซึ่งมีสินค้ามาวางจำหน่ายมากมายหลายรายการ หมุนเวียนกันไปแต่ละสัปดาห์
สำหรับตลาด Fisherman Market ภายในงานวันนี้ มีเกษตรกร และพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ประมงมาจำหน่าย กว่า 30 ร้าน อาทิ ร้าน Seafood สดๆ เช่น หอยนางรม ปูม้า หอยแมลงภู่ ปลาทะเล ปลาทรายฯลฯ จากกลุ่มประมงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น หมึกแห้ง ปลาอินทรีย์แดดเดียว ปลาเค็ม กะปิ น้ำพริกปูม้า หอยแมลงภูดอง ปลากะตักทอดกรอบ กุ้งหวาน หมึกกะตอย กุ้งแห้ง ห่อหมกทะเลฯลฯ
กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการต่างๆ เกิดขึ้นจากการมุ่งหวังให้อาชีพประมงเกิดความยั่งยืน พี่น้องเกษตรกรชาวประมงเกิดความมั่นคงในการประกอบอาชีพ สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงได้อย่างคุ้มค่า สร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลให้คืนกลับมาได้อย่างยั่งยืน และประชาชนคนไทยได้มีสัตว์น้ำบริโภคตลอดไป รองอธิบดีกรมประมงกล่าว
ประกาศ ปิดอ่าวไทย ตามมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ประจำปี 2565 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค. นี้ และกำหนดพื้นที่ควบคุมต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. บริเวณพื้นที่อ่าวประจวบฯ
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ทะเลอ่าวไทย ปี 2565 (ปิดอ่าวไทย) และร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมปล่อยขบวนเรือเจ้าหน้าที่เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศใช้มาตรการดังกล่าว โดยมีเรือตรวจประมงทะเลเข้าร่วมขบวนทั้งสิ้น 8 ลำ ณ บริเวณชายทะเลอ่าวประจวบคีรีขันธ์ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า จากผลการศึกษาวิจัยทางวิชาการของกรมประมงพบว่า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี พื้นที่ทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ของสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหลายชนิด โดยเฉพาะปลาทู ได้อาศัยเป็นแหล่งวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมประมง จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อให้การใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ ให้มีความสมดุลกับศักยภาพการผลิตของธรรมชาติ และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยได้กำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี ห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงในพื้นที่ทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และกำหนดพื้นที่ควบคุมต่อเนื่องจากมาตรการปิดอ่าวฯ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี บริเวณพื้นที่อ่าวประจวบฯ
“การจัดพิธีประกาศปิดอ่าวในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมง ประชาชน สมาคมประมง โรงเรียน หน่วยงานราชการในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะชุมชนประมงต้นแบบ และกลุ่มเครือข่ายอาสาเฝ้าระวังการทำการประมงที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของกรมประมง ในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งจากการประกาศใช้มาตรการในปีที่ผ่านมา พบว่า มีพ่อ – แม่พันธุ์ปลาทู มีความสมบูรณ์เพศและมีการแพร่กระจายของลูกปลาทูและสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรการ และในพื้นที่อ่าวไทยบริเวณบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบของลูกปลาทูและสัตว์น้ำชนิดอื่นพบว่า ระยะเวลาและพื้นที่บังคับใช้มาตรการ สอดคล้องกับการเลี้ยงตัวของสัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปลาเริ่มเคลื่อนย้ายเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัว ก เป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนที่สำคัญ”
ด้าน นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ มาตรการดังกล่าว เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2496 จนถึงปัจจุบัน โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นระยะๆ โดยปัจจุบันเป็นมาตรการที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 70 และได้กำหนดระยะเวลาและพื้นที่ เป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 พื้นที่ทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 27,000 ตารางกิโลเมตร ระยะเวลาห้ามทำการประมง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ของทุกปี
และ ระยะที่ 2 พื้นที่อ่าวไทยตามระยะที่ 1 ปรับลดลงมาให้คงห้ามทำการประมงในระยะใกล้ฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งสัตว์น้ำวัยอ่อนอพยพไปยังพื้นที่เลี้ยงตัวอ่อนในอ่าวไทยตอนใน ครอบคลุมพื้นที่ 5,300 ตารางกิโลเมตร และกำหนดห้ามทำการประมงเพิ่มเติมในพื้นที่ตั้งแต่เขาม่องไล่ ไปทางทิศเหนือ จรดอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่ 2,900 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี ในพื้นที่และห้วงเวลาที่กำหนดห้ามมิให้ทำการประมง เว้นแต่เป็นการใช้เครื่องมือบางชนิด ตามที่ระบุไว้ในประกาศเท่านั้น ที่จะใช้ทำการประมงได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหนังสือรับรองมาตรฐานการทำประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนให้แก่ชาวประมงพื้นบ้าน จำนวน 8 ราย มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และมอบพันธุ์กุ้งก้ามกราม จำนวน 700,000 ตัว ให้แก่ผู้นำชุมชน นำไปปล่อยเพื่อเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน ณ แม่น้ำปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง จำนวน 220,000 ตัว ประกอบด้วย กุ้งกุลาดำ 100,000 ตัว กุ้งแชบ๊วย 100,000 ตัว และปลากะพงขาว 20,000 ตัว ลงในอ่าวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตลงในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งด้วย
จากนั้นได้เปิดโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค (Fisherman Market) ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้าน และชาวประมงในพื้นที่จังหวัดชายทะเลทั้ง 23 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการ “กระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค” โดยเปิดช่องทางการตลาดสำหรับกระจายผลผลิต จำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำเพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ รวมถึงสนับสนุนพัฒนาทักษะการขาย การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงในระยะยาวต่อไป โดยในส่วนกลาง กรมประมงได้เปิดตลาด Fisherman Market ในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เพื่อให้ชาวประมงพื้นบ้านได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ คุณภาพดี มีมาตรฐาน มาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้ร่วมอุดหนุนในราคาสุดพิเศษ ซึ่งมีสินค้ามาวางจำหน่ายมากมายหลายรายการ หมุนเวียนกันไปแต่ละสัปดาห์ด้วย
ทั้งนี้ สำหรับตลาด Fisherman Market ภายในงาน มีเกษตรกร และพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ประมงมาจำหน่าย กว่า 30 ร้าน อาทิ ร้าน Seafood สด ๆ เช่น หอยนางรม ปูม้า หอยแมลงภู่ ปลาทะเล ปลาทราย ฯลฯ จากกลุ่มประมงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น หมึกแห้ง ปลาอินทรีย์แดดเดียว ปลาเค็ม กะปิ น้ำพริกปูม้า หอยแมลงภูดอง ปลากะตักทอดกรอบ กุ้งหวาน หมึกกะตอย กุ้งแห้ง ห่อหมกทะเล เป็นต้น