- Details
- Category: เกษตร
- Published: Tuesday, 30 November 2021 14:49
- Hits: 9644
จุรินทร์ แจ้งข่าวดีชาวนา ครม.เตรียมเคาะเติมเงิน จ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว
จุรินทร์ แจ้งข่าวดีชาวนา ครม.เตรียมเคาะเพิ่มเพดานการก่อหนี้จาก 30% เป็น 35% อังคารหน้า ทำให้มีเงินมาจ่ายชดเชยส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ข้าวที่ค้างอยู่และต่อไปจนครบ 33 งวด ยัน ‘พาณิชย์’จะเดินหน้าผลักดันราคา เพื่อลดภาระงบประมาณ และเดินหน้าลดต้นทุนให้ชาวนาต่อเนื่อง ทั้งดูแลราคาปุ๋ย เมล็ดพันธุ์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการพบปะสมาชิกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เพื่อประชุมหารือเรื่องปัจจัยการผลิตและติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่ชุมชนหมู่ 6 ก้าวหน้า แขวงคลอง 12 เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกร ซึ่งเป็นนโยบายที่ตนมีความตั้งใจเช่นเดียวกับรัฐบาล ในการช่วยชาวนา
วันนี้มีการหารือกันเรื่องประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้แจ้งให้ทราบว่านโยบายประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวปี 3 จะเดินหน้าต่อไป ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว สำหรับข้าวมีการจ่ายเงินส่วนต่างทั้งหมด 33 งวด จ่ายแล้ว 2 งวด ส่วนงวดที่ 3-33 กำลังรอการขยายเพดานวินัยการคลังจากไม่เกิน 30% เพิ่มขึ้นเป็น 35% คาดว่าอังคารหน้าจะมีการพิจารณา จะช่วยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้โดยเร็วต่อไป
“สัปดาห์หน้า จะมีข่าวดี คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะได้เคาะเกี่ยวกับงบประมาณดูแลเกษตรกรเพิ่มเติม หลังจากได้จ่ายส่วนต่างไป 2 งวด และงวด 3 บางส่วน และเมื่อเพดานด้านการเงินการคลัง ตามมาตรา 28 เพิ่มขึ้น รัฐบาลจะมีเงินมาใช้ดูแลชาวนาตามโครงการประกันรายได้ปี 3 ที่กำลังเดินหน้าได้”
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้น โดยตั้งแต่เข้ามาดูแล เคยทำราคาข้าวเปลือกแตะตันละ 10,000 บาท เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ช่วงนี้ไม่ปกติ ราคาจริงลงมา ราคาข้าวแห้ง วันนี้เกวียนละ 8,000 บาทแล้ว ไม่ใช่ 5,000 บาท อย่างที่พยายามพูดว่าซื้อมาม่าได้ซองเดียว ไม่เป็นความจริง ส่วนพืชเกษตรตัวอื่น ราคาดีทุกตัว ยางก้อนถ้วย สูงกว่ารายได้ที่ประกัน มันสำปะหลังตอนนี้กิโลกรัมละ 2.60-2.80 บาท ปาล์มน้ำมันประกันที่กิโลกรัมละ 4 บาท ตอนนี้ 8-9 บาทแล้ว และข้าวโพดประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท แต่ราคาตลาด 9-10 บาท
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการลดต้นทุนให้กับชาวนา กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการในเรื่องปุ๋ย โดยทำแล้ว 2 ส่วน คือ 1.การจัดโครงการปุ๋ยราคาถูกจำหน่ายให้กับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน จัดปุ๋ยราคาพิเศษเตรียมไว้ 4,500,000 กระสอบ ขายไปแล้ว 2,000,000 กว่ากระสอบ โดยเกษตรกรต้องรวมกลุ่มกันไปขอซื้อที่สหกรณ์จังหวัด สหกรณ์อำเภอ เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยขอให้เร่งช่วยกันซื้อเพราะราคาจะถูกกว่าท้องตลาด 20 -50 บาทต่อกระสอบ และ 2.ได้ลงนามถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงบประมาณโดยตรงในการของบกลางให้มีเงินมาช่วยชดเชยปุ๋ยให้ลดราคาลงมา ซึ่งจะช่วยให้นอกจากกลุ่มเกษตรกรแล้ว เกษตรกรทั่วไปสามารถซื้อในท้องตลาดได้ โดยจะช่วยกดราคาปุ๋ยในท้องตลาดประมาณกระสอบละ 50 บาท
ส่วนเรื่องเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเกษตรกรต้องการเมล็ดพันธุ์ที่ตรงตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม ได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ข้าวไทยที่บังคับใช้แล้วตั้งแต่ปี 2563-67 มีเป้าหมายเพิ่มข้าวพันธุ์ใหม่ 12 พันธุ์ ใน 5 ปี ประกอบด้วย พันธุ์พื้นแข็ง 4 พันธุ์ พื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวหอม 2 พันธุ์ ข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ คาดว่า สำหรับปีนี้จะมีข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันธุ์ และจะขึ้นทะเบียนเป็นข้าวพันธุ์ใหม่ต่อไป และที่เกษตรกรอยากเพิ่มข้าวเป็นข้าวมูลค่าสูง ต้องการเน้นการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ขณะนี้มีข้าว GI มีอยู่ถึง 18 รายการ จากสินค้า GI ทั้งหมด 152 ราย ซึ่งจะสนับสนุนต่อไป หากพื้นที่ไหนสามารถปรับปรุงเป็น GI ได้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุน
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ชาวนาพอใจโครงการประกันรายได้มาก ในภาวะที่ข้าวราคาตก ก็มีการชดเชยส่วนต่าง และไม่มีการทุจริต เงินที่ออกจากรัฐบาลยิงตรงเข้าเกษตรกรโดยตรง ขณะเดียวกัน ก็มีมาตรการเสริมเพื่อยกระดับราคาข้าว
นายธีรสินทร์ ธนชวโรจน์ เลขาธิการสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า โครงการประกันรายได้ดำเนินการมาถึงปีที่ 3 แล้ว แม้จะมีติดขัดบ้าง แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาได้ และต้องของคุณนายจุรินทร์ ที่ได้เดินหน้าผลักดันราคาข้าว และผลักดันมาตรการคู่ขนานที่จะช่วยดึงราคาให้สูงขึ้น รวมทั้งมีมาตรการดูแลต้นทุนให้กับชาวนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 ได้มีมติให้ขยายสัดส่วนเพดานการก่อหนี้ตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ จากเดิม 30% เป็น 35% เป็นระยะเวลาชั่วคราว 1 ปี ทำให้มีวงเงินในการก่อหนี้เพิ่มเติมได้อีกประมาณ 1.55 แสนล้านบาท จากเดิมที่มีกรอบการก่อหนี้ของภาครัฐประมาณ 9 แสนล้านบาท
แต่เหลือวงเงินที่สามารถก่อหนี้ได้อีกเพียง 5,300 ล้านบาท จึงต้องขยายเพดานก่อหนี้ ทำให้มีวงเงินเข้ามาสนับสนุนโครงการประกันรายได้ และยังได้เตรียมแนวทางการขอใช้งบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน 2565 ในการสนับสนุนโครงการประกันรายได้บางส่วน หากมีความจำเป็น เพื่อไม่ให้การจ่ายชดเชยต้องหยุดชะงัก
จุรินทร์ ดันจับคู่ 'หมู-ข้าว' วิน วิน 2 เด้ง ช่วยชาวนาขายข้าว ช่วยผู้เลี้ยงสุกรลดต้นทุน
จุรินทร์ เป็นประธานการลงนาม MoU โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย 'หมู-ข้าว'จำนวน 50,199 ตัน มูลค่า 535 ล้านบาท เผยวิน วิน 2 เด้ง ได้ช่วยระบายข้าวให้กับเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม และช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ให้กับผู้เลี้ยงสุกร เตรียมเดินหน้าทำต่อ เป้า 1.5 แสนตัน หวังดันราคาข้าวขยับขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MoU โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย ‘หมู-ข้าว’ ปีการผลิต 2564/65 ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า เป็นอีกความคืบหน้าหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยดูแลภาคการเกษตรอย่างบูรณาการ เป็นรูปธรรม มีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นได้จริง โดยมีเป้าหมาย คือ การดูแลยกระดับราคาข้าวให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ขณะเดียวกันช่วยดูแลเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพปศุสัตว์ในการเลี้ยงสุกรให้สามารถลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอาหารสัตว์ให้ลดลง
ทั้งนี้ โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย 'หมู-ข้าว' จะเป็นโครงการตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุด ที่นำข้าวกับหมูมาชนกันอย่างเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งเอาข้าวมาขายทำอาหารสัตว์ในราคาที่เป็นธรรม หรือยกระดับราคาที่ดีกว่าการขายในตลาดปกติ และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรสามารถนำข้าวคุณภาพอาหารสัตว์ราคาพิเศษ มาใช้ทำอาหารสุกร เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงสุกร เป็นโครงการที่ win-win ทั้ง 2 ฝ่าย
“โครงการนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความพยายามช่วยดำเนินการของกรมการค้าภายใน และเป็นนโยบายที่ผมมอบให้ไปดำเนินการ ซึ่งจะไม่มีเฉพาะวันนี้ แต่จะมีวันต่อไปด้วย ตราบที่ต้องการผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้น เพื่อช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ขายข้าวได้ราคาดีขึ้นและลดต้นทุนผู้เลี้ยงสุกรลงมาด้วย”นายจุรินทร์กล่าว
สำหรับ ข้าวที่นำมาเชื่อมโยงจับคู่ในโครงการ ประกอบด้วยข้าว 2 ประเภท คือ 1.ข้าวเปลือก ความชื้นไม่เกิน 15% ในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 8 บาท และ 2.ข้าวสาร ประกอบด้วย ข้าวกล้องปลายข้าวคุณภาพอาหารสัตว์และข้าวหักความชื้นที่ไม่เกิน 15% ขายในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 11 บาท ซึ่งถือว่าช่วยลดต้นทุนมากกว่าการนำพืชเกษตรตัวอื่นมาทำอาหารสัตว์
โดยในวันนี้ได้ทำ MoU ทั้งหมด 50,199 ตัน เป็นโรงสี จำนวน 49,500 ตัน และสหกรณ์อีก 4 ราย จำนวน 699 ตัน รวม 50,199 ตัน มูลค่ารวม 535 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.2564-28 ก.พ.2565 และตั้งเป้าว่าจะไม่ขายเฉพาะ 50,000 ตันนี้ กรมการค้าภายในจะพยายามเจรจาทำให้ได้ 150,000 ตัน ซึ่งจะช่วยดึงราคาข้าวปลายฤดูขึ้นได้อีก
ผู้ซื้อข้าว 5 ราย ประกอบด้วย 1.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป 2.ไทยรุ่งเรืองกิจการ จังหวัดนครปฐม 3.อาร์ เอ็ม ซี ฟาร์ม จังหวัดบุรีรัมย์ 4.จงเจริญฟาร์ม จังหวัดนครนายก 5.เกษมชัยฟาร์มกรุ๊ป จังหวัดนครปฐม
การลงนาม MoU โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย 'หมู-ข้าว' มีนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายมนัส แก้วศรีงาม อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยนายบุญธรรม อร่ามศิริวัฒน์ เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และนายบุญเสริม เจริญวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม