- Details
- Category: เกษตร
- Published: Friday, 14 November 2014 20:19
- Hits: 2895
ก.เกษตรฯ เร่งสกย.เสริมรายได้ชาวสวนยางปลูกพืชแซมในพื้นที่ว่าง
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง(สกย.) เร่งดำเนินการจัดทำโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากพื้นที่สวนยางเพื่อเพิ่มรายได้ มีความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ
โดยขณะนี้ สกย.มีแนวทางและกิจกรรมในโครงการเพื่อสร้างประโยชน์จากพื้นที่ปลูกยางพาราปีละ 160,000 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพื้นที่ว่างเปล่าในสวนยาง รวมประมาณ 1,120,000 ไร่ ภายในระยะเวลาดำเนินโครงการ 7 ปี ให้แก่เกษตรกรทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.เกษตรกรผู้โค่นยางแล้วปลูกยางใหม่ จะส่งเสริมและแนะนำให้ปลูกพืชคลุมดิน เช่น พืชตระกูลถั่ว (คาโลโปโกเนียม, เซนโตซีมา, เพอราเรีย, ซีรูเลียม,ปอเทือง) มันเทศ หรือหญ้าเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ไม่น้อยกว่า 80,000 ไร่ในปี 2558 เพื่อเป็นการอนุรักษ์ดิน เพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน รวมถึงการป้องกันการถูกชะล้างหน้าดินและปุ๋ยบำรุงที่เกษตรกรได้ใส่ให้กับต้นยางพารา
2. เกษตรกรที่ปลูกยางไปแล้ว และต้นยางมีอายุไม่เกิน 3 ปี จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ปลูกพืชแซมในสวนยาง ได้แก่ สัปปะรด กล้วย ข้าวไร่ ข้าวโพด ถั่วลิสง พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ เป็นต้น ไม่น้อยกว่า 80,000 ไร่ ในปี 2558 เช่นกัน
ทั้งนี้ จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับสภาพความเหมาะสมของดิน และตลาดเพื่อขายผลผลิตของเกษตรกรควบคู่ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เสริมในช่วงที่สวนยางพารายังไม่ให้ผลผลิตที่ก่อให้เกิดรายได้ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พื้นที่หรือที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีรายได้มากสุดในพื้นที่ที่ปลูกยางพารา
3. เกษตรกรที่ปลูกยาง และต้นยางมีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป จะส่งเสริมให้ปลูกพืชร่วมยาง ซึ่งเป็นชนิดพืชที่มีความต้องการแสงน้อย สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ในสภาพแสงรำไรใต้ร่มเงายางพารา เช่น พืชสกุลระกำ (สละ, ระกำ) ผักเหมียง/เหรียง ไผ่หวาน ลองกอง มังคุด สะเดาเทียม ตะเคียนทอง เป็นต้น
"เกษตรกรที่ปลูกยางไปแล้ว สกย.จะมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือผู้รับการสงเคราะห์ รายละไม่เกิน 50,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยต่ำ ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี"นายชวลิต กล่าว
ด้านนายทวีศักดิ์ คงแย้ม ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ (วอร์รูม สกย.) กล่าวว่า ปี 2558 สกย. จะช่วยผลักดันให้มีการส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ต่างๆ กว่า 20,000 คน โดยเฉพาะอำนาจการต่อรองราคาผลผลิต กลุ่มเกษตรกรจะมีทางเลือกในการขายผลผลิตที่มากขึ้น
พร้อมทั้งเร่งสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สามารถจัดตั้งในรูปของนิติบุคคลได้ประมาณ 10 กลุ่มในปี 2558 สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับใช้ในการขยายกิจการเพิ่มเติม หรือการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตในเชิงอุตสาหกรรม รวมทั้งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น และสามารถติดต่อซื้อขายได้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
อินโฟเควสท์