- Details
- Category: เกษตร
- Published: Tuesday, 27 May 2014 11:20
- Hits: 4440
วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8581 ข่าวสดรายวัน
ชาวนาเฮ-รับแล้ว เงินจำนำ บิ๊กตู่อนุมัติกู้ 9 หมื่นล้าน ศธ.ขอ 3.6 พันล.-อุ้ม'กยศ.' ททท.เร่งฟื้นท่องเที่ยวไทย
ชาวนาทั่วไทยยิ้มออก ทยอยรับเงินค่าจำนำข้าว ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อน 4 หมื่นล้าน เพื่อให้ถึงมือชาวนาโดยเร็ว โอนผ่านบัญชีที่เปิดไว้l ชาวนาเฮหลัง 'ประยุทธ์'เซ็นอนุมัติให้กู้ 9 หมื่น ล้าน ด้าน 'ประจิน'ประชุมร่วมบิ๊กขรก.คลัง- ผู้บริหารแบงก์รัฐกำหนดทิศทางด้านเศรษฐกิจ มั่นใจงบประมาณปี 2558 ทันใช้ไร้ปัญหา ด้านผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯ เตรียมชงของบประมาณก้อนแรก 3.6 พันล้าน ปล่อยกู้กองทุนกู้ยืมเรียน-แท็บเล็ตชั้นม.1
สภาพสกนิกรชาวนาไทยร้องคสช.
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ตัวแทนสภา พสกนิกรชาวนาไทย นำโดยนายภาณุพงศ์ ภัทรคนงาม ประธานสภาพสกนิกรชาวนาไทย มายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เพื่อทวงถามความชัดเจนเรื่องการรับเงินในโครงการรับจำนำข้าว
นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า ผ่านมาก่อนมีการประกาศยึดอำนาจโดยคสช. รัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อนุมัติงบกลางเพื่อจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการจำนำข้าว แต่พบว่าชาวนาที่ลงทะเบียนในลำดับที่ 200 ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว แต่ผู้ที่ลงทะเบียนในลำดับ 300 กลับได้รับเงินก่อน จึงขอเรียกร้องให้คสช. เร่งรัดการจ่ายเงินรับจำนำข้าวอย่างถูกต้องและเป็นธรรม และขอให้ คสช. ชี้แจงข้อมูลให้ชัดเจนถึงสถานที่รับเงินจำนำข้าวของชาวนา ทั้งนี้ วันที่ 27 พ.ค. ตัวแทนชาวนาจากทุกจังหวัดภาคอีสานจะร่วมประชุมที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงกรณีสภาหอการค้าประเทศญี่ปุ่นและองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ว่า ประธานหอการค้าไทยและประธานหอการค้าญี่ปุ่น ได้นำนักธุรกิจจากญี่ปุ่นพบและหารือพล.อ. ประยุทธ์ โดยหัวหน้าคสช.ได้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการประกาศยึดอำนาจ และยืนยันว่าความสัมพันธ์ของไทยและญี่ปุ่นในส่วนของภาคราชการและภาคธุรกิจนั้นยังดำเนินต่อไปทุกทิศทาง และให้ความมั่นใจว่าจะยึดผลประโยชน์การลงทุนของญี่ปุ่นที่อยู่ในไทยอย่างเต็มที่คงเดิม เพื่อพัฒนาร่วมกันต่อไป
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ส่วนเศรษฐกิจภาพรวมนั้น มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเป็นผู้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ด้านเศรษฐกิจทั้งหมด
พาณิชย์พร้อมตรวจสอบสต๊อกข้าว
วันเดียวกัน นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการระชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ว่ากระทรวงพาณิชย์เตรียมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานที่สำคัญ 14 เรื่อง เสนอต่อคสช. ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยให้แต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ไปจัดทำกรอบแผนงานให้เกิดความชัดเจน เช่น การดูแลการชำระเงินคืนให้กับชาวนา รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการตรวจสต๊อกข้าว การดูแลปริมาณสต๊อกข้าวทั้งระบบ เพราะหลายฝ่ายยังมองว่าสต๊อกข้าวในปัจจุบันยังไม่ชัดเจน
นางศรีรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการระบายข้าวนั้น ให้ชะลอการระบายสต๊อกข้าวตามแผนเดิม ซึ่งเปิดประมูลเป็นการทั่วไป และการเปิดประมูลผ่านซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าไปก่อนอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อให้ตรวจข้อมูลต่างๆ อย่างชัดเจน แต่ขณะเดียวกัน การขายข้าวให้กับรัฐบาลจีนก่อนหน้านี้จำนวน 1 ล้านตัน และอยู่ระหว่างการส่งมอบนั้น หากเป็นการขายที่มีสัญญาเดิมก็ให้เดินหน้าต่อไป แต่หากเป็นการเปลี่ยนสัญญาซื้อขายใหม่ก็ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
"กรณีที่คสช. ให้กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสต๊อกข้าวทั่วประเทศก่อนที่จะระบายข้าวนั้น กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะดำเนินการทันที เพื่อความโปร่งใส และจะร่วมตรวจสอบกับทางเจ้าหน้าที่ คสช. ด้วย ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ระบุว่าข้าวหาย 3 ล้านตันนั้น ยืนยันว่า หากพบมูลความผิดจริงจะดำเนินการแจ้งความ และดำเนินคดี" นางศรีรัตน์กล่าว
'บิ๊กจิน'ถกคลัง-ผู้บริหารแบงก์รัฐ
เวลา 14.30 น. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง และผู้บริหารสถาบันการเงินเฉพาะของรัฐ (แบงก์รัฐ) ทุกแห่ง เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทย และมอบหมายนโยบายให้กับกระทรวงการคลัง โดยหารือเสร็จสิ้นในเวลา 17.00 น. ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง
พล.อ.อ.ประจิน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ (โรดแม็ป) ซึ่งประกอบด้วย แผนเร่งด่วน เช่น เรื่องโครงการรับจำนำข้าว และโครงการลงทุนและการบริหารจัดการด้านน้ำ รวมถึงการเร่งสร้างภาพลักษณ์ให้นักลงทุนไทยและต่างชาติกลับมามีความเชื่อมั่น รวมถึงแผนการลงทุนระยะยาวที่มีความจำเป็นและการจัดทำงบประมาณ ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาในวันที่ 2 มิ.ย. โดยในวันที่ 31 พ.ค. จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมด เกี่ยวกับบทบาทการทำงานของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจให้มีความเหมาะสม และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน และวันที่ 1 มิ.ย. จะหารือกับคณะสศช. ฝ่ายเศรษฐกิจเพื่อสรุปภาพรวมโรดแม็ปทั้งหมด
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณปี 2558 สำนักงบประมาณยืนยันว่าจะสามารถใช้ได้ทันภายในวันที่ 1 ต.ค.2557 แน่นอน ซึ่งภาพรวมการจัดทำงบประมาณ จะจัดทำให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจ และย้อนกลับไปดูแผนงานในปี 2557 ว่ามีส่วนใดที่ทำไม่ได้หรือทำไม่ทัน ก็จะนำมารวมในงบประมาณปี 2558 ส่วนจะเป็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุลเท่าใดนั้น จะต้องหารือทั้งหมดอีกครั้ง
ยันจ่ายเงินจำนำข้าวเสร็จใน 20 วัน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า สำหรับการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าว ที่ยังคงค้างอยู่ 9.2 หมื่นล้านบาทนั้น จะสามารถทยอยจ่ายได้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน โดยเม็ดเงินที่ส่ง ถึงชาวนาคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ดีขึ้น ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.2% นอกจากนี้ ยังกำชับให้ไปดูแลช่วยเหลือชาวนา ในขั้นการปลูกข้าว รวมถึงต้นทุนราคาปุ๋ย และเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้มีคุณภาพ ถ้าพบว่ามีข้อจำกัดในเรื่อง ก็ให้กระทรวงการคลังเร่งลงไปแก้ไข
"ในวันที่ 27 พ.ค.2557 ฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. จะทำข้อมูลและวิเคราะห์นโยบายต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การบริหารของ คสช.ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การปฏิรูปเศรษฐกิจพื้นฐาน การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และการสร้างความปรองดองของคนในชาติ" พล.อ.อ.ประจินกล่าว
เผย'ประยุทธ์'อนุมัติให้กู้ได้แล้ว
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ได้ลงนามในหนังสือถึงสถาบันการเงินทั้ง 32 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์เอกชนทุกแห่ง เพื่อให้ยื่นเสนอเงินให้กู้ยืมภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 เป็นเงินจำนวน 5 หมื่นล้านบาท การกู้เงินดังกล่าวกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย (โดยใช้สัญญามาตรฐานของกระทรวงการคลัง) ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย โดยกระทรวงการคลังมั่นใจว่าการกู้เงินครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากสถาบันการเงินเป็นอย่างดี เนื่องจากปัญหาความไม่ชัดเจนทางกฎหมายถูกขจัดไปหมดสิ้นแล้ว
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า เงินที่ได้จากการกู้ยืมครั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จะนำไปจ่ายให้กับชาวนาโดยเร็ว ซึ่งจะก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ล่าสุด กระทรวงการคลังได้นำเสนอ คสช.เพื่ออนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2557 และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ให้ธ.ก.ส. เพื่อใช้จ่ายให้ชาวนาที่ยังค้างอยู่วงเงิน 92,431 ล้านบาท ซึ่งหัวหน้าคสช.ได้อนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า สำหรับการกู้เงินนั้นเตรียมกู้ทั้งหมด 9 หมื่นล้านบาท โดยในครั้งแรกกู้ 5 หมื่นล้านบาทก่อน เพื่อดูว่าตลาดการเงินจะตอบรับการกู้นี้อย่างไรบ้าง หลังจากได้เงินกู้งวดสองมาแล้ว เตรียมจะกู้ในส่วนที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้หนี้ให้ ธ.ก.ส. ที่นำสภาพคล่อง 4 หมื่นล้านบาท จ่ายให้ชาวนาในช่วงแรก
ธ.ก.ส.สำรองจ่ายก่อน 4 หมื่นล้าน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.เตรียมปิดรับเงินบริจาคและเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือชาวนาภายในสิ้นเดือน พ.ค. นี้ คาดว่าจะได้เงินบริจาคและสมทบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เร็วกว่ากำหนดเดิมที่ตั้งเป้าจะปิดกองทุนในเดือนมิ.ย. ซึ่งตั้งเป้าว่าจะได้เงินบริจาคและสมทบ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้สำรองสภาพคล่อง 4 หมื่นล้านบาท และทางสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เตรียมเรื่องขอกู้เงินอีก 5 หมื่นล้านบาท ในอีก 2 สัปดาห์ถัดจากนี้ โดยเงินที่จะเอามาใช้คืนกองทุนชาวนา จะมาจากเงินระบายข้าว ไม่ได้กู้เงินมาใช้คืน
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. เตรียมเปิดหน่วยบริการใน 11 จังหวัด ที่มีจำนวนใบประทวนคงค้างมาก แถบภาคกลางและอีสาน เพื่อตรวจสอบใบประทวนก่อนที่จะนำไปขึ้นเงินที่สาขา ซึ่งเกษตรกรที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว จะได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากทันที
นายลักษณ์ กล่าวว่า ธ.ก.ส. พร้อมจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่รอเงินรับจำนำข้าวกว่า 800,000 ราย วงเงินกว่า 90,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยจะทยอยจ่ายเงินดังกล่าว ตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วตามลำดับก่อนหลังอย่างเคร่งครัดโปร่งใสตั้งแต่วันนี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน ทั้งนี้ ระหว่างที่รอการกู้เงิน ธ.ก.ส. จะสำรองจ่ายไปก่อนในวงเงินไม่เกิน 40,000 ล้านบาท เพื่อให้เงินถึงมือเกษตรกรอย่างรวดเร็ว
ธ.ก.ส.ทยอยจ่ายเงินจำนำข้าว
วันเดียวกัน ธ.ก.ส.เชียงใหม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าวมา 300 ล้านบาท จากที่ค้างจ่ายรวมทั้งสิ้น 799,341,071.67 บาท ซึ่งทยอยจ่ายให้ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิ.ย. โดยใช้ระบบโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรตามสาขาที่เปิดบัญชีในการทำการจำนำข้าวที่ทำเรื่องไว้ ธ.ก.ส.ใกล้บ้านของเกษตรกรเท่านั้น
ที่จ.อ่างทอง นายประจิน จันทร์พาณิชย์ ผอ.ธ.ก.ส.อ่างทอง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นจ.อ่างทอง จะได้รับเงินขั้นต่ำ 200 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขยังไม่ชัดเจน แต่เราได้เตรียมสำรองเงินไปยังสาขาต่างๆ แล้วสาขาละ 10 ล้าน รวม 40 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งหากได้ระบบการแจ้งก็จะโอนเข้าบัญชีให้ชาวนาได้เลย ส่วนที่เหลือก็จะดำเนินการต่อทันที จังหวัดอ่างทองยังมีเงินคงค้างทั้งหมด 750.38 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรทั้งหมดไม่เกินภายในวันที่ 10 มิ.ย.
ที่จ.นครราชสีมา ที่ธ.ก.ส.สาขาปักธงชัย มีเกษตรกรนำใบประทวนมาทำสัญญาเพื่อรับเงินค่าจำนำข้าวอย่างคึกคัก ภายหลัง คสช. มีนโยบายแก้ปัญหาโครงการจำนำข้าวที่ยังค้างจ่ายชาวนาอยู่ประมาณ 9.2 หมื่นล้านบาท โดยในงวดแรกได้กู้เงินสภาพคล่องของธ.ก.ส.ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สามารถนำเงินมาจ่ายให้ชาวนา ทำให้มีชาวนานำใบประทวนมาทำสัญญากับธ.ก.ส. อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
ลพบุรี-กาญจน์ทยอยโอนผ่านบัญชี
ที่จ.ลพบุรี เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว ต่างเดินทางมาที่ธ.ก.ส.สาขาลพบุรี โดยทยอยนำใบประทวนไปแสดงกับเจ้าหน้าที่เพื่อรับเงิน นายพงศ์ทิวา ตีระแพทย์ ผอ.ธ.ก.ส.ลพบุรี กล่าวว่า ธ.ก.ส.ลพบุรีมีบัญชีค้างจ่ายเกษตรกร 1,600 ล้านบาท การจ่ายเงินวันนี้คงจ่ายได้เพียงบางส่วน เพราะเป็นวันแรกและต้องเชิญผู้จัดการสาขามาประชุมการจ่ายเงินด้วย ภายใน 1 อาทิตย์จะจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ 40% หรือ 600 ล้านบาท และคาดว่าไม่เกิน 1 เดือน จะจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ครบหมด
ที่จ.กาญจนบุรี นายขจร เศรษฐยานนท์ ผอ.ธ.ก.ส.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีชาวนาไม่ได้รับเงินจำนำข้าว 1,0314 ราย เป็นเงิน 1,149.43 ล้านบาท แต่เมื่อ คสช.มีคำสั่งให้จ่ายเงินชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าวภายใน 15-20 วัน วันนี้ ธ.ก.ส.กาญจนบุรี ได้รับเงิน 544 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้ชาวนางวดแรก ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีให้ชาวนาและภายในพรุ่งนี้สามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ ส่วนยอดเงินค้างจ่ายอีก 605.43 ล้านบาท คาดสามารถนำไปจ่ายให้ชาวนาทันเวลาที่กำหนด
ชาวนาทยอยเดินทางมาขอรับเงิน
ที่จ.อุตรดิตถ์ นายสมบูรณ์ นาคบัว ผอ.สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ.อุตรดิตถ์ ได้เรียกประชุมผู้จัดการธนาคารสาขาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งหมด 12 สาขา เพื่อชี้แจงการจ่ายเงินจำนำข้าว ปี 2556/57 ที่ยังค้างอยู่ให้เป็นไปตามคิว ซึ่งในวันนี้ธ.ก.ส.ส่วนกลางได้จ่ายโอนเงินให้กับทาง ธ.ก.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,025 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด 31,295 ราย จากทั้งหมด 35,422 ใบประทวน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,014,142,318 ล้านบาท ด้วยวิธีการจ่ายโอนเงินผ่านทางธนาคาร จำนวนเงินที่ได้รับ 1,025 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายได้หมดภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้เกษตรกรสามารถตรวจสอบการขอรับเงินตามคิวได้ที่ธ.ก.ส.ทุกสาขา
ที่จ.พิษณุโลก มีชาวนาจากหลายพื้นที่ เริ่มมารอรับเงินจำนำข้าว ตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ยังไม่ได้รับเงินตั้งแต่เดือนพ.ย.2556 ซึ่งมียอดการจ่ายเงินให้กับชาวนาจำนวน 7,000 กว่าล้านบาท และได้สั่งจ่ายไปเพียง 3,000 กว่าล้านบาท จนถึงขณะนี้ ทางธ.ก.ส.ได้มีการสั่งจ่ายเงินถึงคิวที่ 1,794 รายเท่านั้น ล่าสุด คสช.ได้สั่งจ่ายเงินเร่งด่วนให้กับชาวนาเป็นการด่วน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ส่งผลให้มีชาวนาในจังหวัดพิษณุโลก ได้เริ่มเดินทางมาสอบถามและรับเงินที่ธ.ก.ส. แต่ละสาขาจำนวนมาก
บุรีรัมย์มารอรับตั้งแต่ยังไม่เปิด
ที่จ.บุรีรัมย์ ชาวนาจากหลายอำเภอที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2556/57 เดินทางมารอสอบถามและรอรับเงินจำนำข้าว ที่ธ.ก.ส.สาขา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ คึกคักตั้งแต่ยังไม่เปิดทำการ ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่ต่างรู้สึกดีใจและมีความหวังว่าจะได้รับเงินที่ยังค้างจ่าย ขณะที่ธ.ก.ส.คาดว่าจะได้รับโอนเงินก้อนแรกเพื่อมาจ่ายให้กับชาวนากว่า 1,240 ล้านบาท จากข้อมูลพบว่าขณะนี้ทั้งจังหวัดยังคงมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินอยู่จำนวน 34,557 ราย เป็นยอดเงินทั้งสิ้นกว่า 2,670 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าที่เหลือก็จะได้รับโอนมาอย่างต่อเนื่อง
ที่จ.สุรินทร์ นายณรงค์ งามพริ้ง ผอ.ธกส.สุรินทร์ กล่าวว่าล่าสุด ธ.ก.ส.สุรินทร์ ได้รับเงินจัดสรรมาเพิ่มอีกจำนวน 1,900 ล้านบาท จ่ายเกษตรกรได้ประมาณ 500 ราย ได้แจ้งเกษตรกรที่ถึงลำดับคิวมาทำสัญญา เพื่อรับเงินแล้ว ส่วนที่เหลือคาดว่า จะสามารถจ่ายได้หมดภายใน 15 วัน
นายณรงค์ กล่าวว่า จ.สุรินทร์ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนำข้าว จำนวน 100,185 ราย เป็นเงิน 9,153 ล้านบาท แยกเป็นใบประทวนที่โรงสี จำนวน 97,093 ราย เป็นเงิน 8,857 ล้านบาท และจำนำที่ยุ้งฉางจำนวน 3,092 ราย เป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้จ่ายเงินให้เกษตรกรตามโครงการไปแล้ว 48,793 ราย รวมเป็นเงิน 4,553 ล้านบาท ยังเหลือค้างจ่ายประมาณ 4,600 ล้านบาท
พิจิตรได้รับงวดแรก 2 พันล้าน
ที่จ.พิจิตร นายมงคล ผดุงไทย ผู้ช่วย ผอ.ธกส.พิจิตร เปิดเผยว่า หลัง คสช.มีคำสั่งให้ธ.ก.ส.อนุมัติเงินจ่ายให้โครงการรับจำนำข้าวที่ยังค้างจ่ายให้ชาวนาภายใน 20 วัน ในงวดแรก 40,000 ล้านบาท ซึ่งภาคเหนือตอนล่างได้รับเงินก้อนนี้เป็นจำนวนเงิน 1,370 ล้านบาท ล่าสุดธ.ก.ส.พิจิตร โอนเงินงวดแรกมาที่ธ.ก.ส.จังหวัดพิจิตรแล้ว 2,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้เกษตรกรชาวนาจังหวัดพิจิตรที่ยังค้างจ่าย 35,000 รายเป็นจำนวนเงิน 5,900 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บรรยากาศที่ธ.ก.ส.ทุกสาขาในพิจิตร เป็นไปด้วยความคึกคัก มีชาวนาทยอยเดินทางมาดูรายชื่อตามลำดับการรับเงินจำนำข้าวกันตั้งแต่เช้า โดยต่างดีใจที่จะได้รับเงินจำนำข้าวเสียที เพื่อที่จะนำไปใช้หนี้สินที่ค้างไว้ทั้งในระบบ นอกระบบ และใช้จ่ายในครอบครัว รวมถึงลงทุนทำนารอบใหม่ หลังรอเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี
เผยวัชรพลยังไม่มีนโยบายย้ายตร.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ช่วงเช้า มีการประชุมผ่านจอภาพระบบทางไกล ไปยังกองบัญชาการต่างๆ ทั่วพื้นที่ เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติราชการร่วมกัน ซึ่งพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการแทน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเคร่งครัดการดูแลพื้นที่ให้ความสงบเรียบร้อย และการชุมนุมต่างๆ นั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และคำสั่ง โดยมีหนังสือกำชับไปยังหน่วยงานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ต.อนุชา กล่าวต่อว่า รักษาการแทน ผบ.ตร. ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความจำเป็นในการบริหาร โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล ซึ่งยืนยันว่า ผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะร่วมมือให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพื้นที่ โดยลำดับนโยบายจะดูในเรื่องของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กรให้สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขอให้หน่วยงานในพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองรับชอบอยู่อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องสนใจข่าวลือต่างๆ เรื่องการปรับย้าย เพราะยังไม่มีนโยบายในขณะนี้ หากมีการปรับเปลี่ยน ก็เพราะว่า พื้นที่นั้นไม่มีการเอาใจใส่ถึงข้อสั่งการต่างๆ ที่ได้กำชับไป ที่สำคัญคำสั่งจะออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถ้ามีการเสนอแนะการปรับเปลี่ยนอย่างไร ผู้บังคับบัญชาจะพูดคุยกันอย่างยุติธรรม
เร่งออกหมายจับ-ล่าจับกุมคดี 112
พล.ต.ต.อนุชากล่าวต่อว่าพล.ต.อ.วัชรพลได้กำชับคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับล่วงละเมิดต่อสถาบันที่เป็นคดีแล้วให้ดำเนินการตามขั้นกฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง หากออกหมายจับแล้วก็ให้เร่งรัดการจับกุม และหากยังไม่ออกหมายจับ ให้ดำเนินการโดยเร็ว แต่เน้นความเป็นธรรม นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำความสามัคคี และความเป็นปึกแผ่น การทำงานร่วมกับฝ่ายทหาร และหน่วยงานความมั่นคง โดยให้บูรณาการการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลสำคัญ เพื่อให้บ้านเมืองสามารถผ่านไปได้ด้วยดี
รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับที่มีกระแสของการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องสำคัญทั้งในระดับของประเทศในการปฏิรูป โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีข้อเรียกร้องของสังคมในการปฏิรูปต่างๆ ซึ่งที่เป็นข่าวไปแล้ว โดยพล.ต.อ.วัชรพลได้มีการสั่งการถึงการปฏิรูปนั้น โดยจะเน้นการ กระจายอำนาจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่เป็นศูนย์กลางเพียงที่เดียว เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้การปฏิรูปดังกล่าวจะเร่งดำเนินการภายใน 4 เดือนนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม
ศธ.ชงของบฯก้อนแรก3.6พันล.
ที่กระทรวงศึกษาธิการ นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดศธ. กล่าวภายหลังการประชุม ผู้บริหารองค์กรหลักของศธ.ว่า ตนซักซ้อมความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นให้ผู้บริหารองค์กรหลักได้รับทราบ หลังจากที่ตนเข้ารับฟังแนวปฏิบัติการทำงานของ คสช. ซึ่งการทำงานของศธ. จะอยู่ในโครงสร้างของคสช.กลุ่มงานสังคมจิตวิทยา ที่ขึ้นตรงกับพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. โดยคสช.ขอให้แต่ละกระทรวงรวบรวมปัญหาและนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ เพื่อเสนอของบประมาณในการเดินหน้างานต่างๆ ของแต่ละกระทรวงให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างเป็นรูปธรรม และไม่เกิดอุปสรรคในการปฏิรูปประเทศในภาพรวม
ปลัดศธ.กล่าวต่อว่า ที่ประชุมจึงสรุปนโยบายที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนมากที่สุด โดยศธ.จะเสนอนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการในปีงบฯ 57 ประกอบด้วย การจัดสรรงบประมาณให้กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นเงิน 3,610 ล้านบาท เพื่อปล่อยให้กับผู้กู้รายใหม่ 204,000 ราย และการเดินหน้าโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะโซน 4 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ที่เพิ่งประกาศขายซองและคาดจะเริ่มการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อกชั่น) ช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งต้องใช้งบฯ จัดซื้อเพราะเป็นโครงการต่อเนื่อง รวมถึงงบฯซ่อมแซมอาคารเรียนที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวที่ จ.เชียงรายด้วย
ททท.อัดแคมเปญไทยเที่ยวไทย
นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในวันที่ 28 พ.ค.จะร่วมประชุมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนายสุวัตร สุทธิหล่อ ปลัดกระทรวงเป็นประธาน วาระการประชุมจะหารือถึงแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศในช่วงที่เหลือของปี พร้อมเรื่องงบประมาณ ปี 2558 วงเงินขออนุมัติประมาณ 6 พันล้านบาทเพื่อเน้นปรับภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าเมืองไทยยังปลอดภัย และสถานที่ท่องเที่ยวหลักยังมาเที่ยวได้ตามปกติ
"ยอมรับว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ชะลอตัวบ้าง โดยเฉพาะตลาดออสเตรเลีย ส่วนตลาดจีนและญี่ปุ่น ชะลอตัวก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ดังนั้นททท. จะเน้นส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวไทย เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปี 2557 จะมีนักท่องเที่ยวคนไทย 136 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศ 7 แสนล้านบาท โดยจะขอความร่วมมือกับบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย จัดโปรโมชั่นเที่ยวก่อนผ่อน 0% และร่วมกับสายการบินราคาประหยัดจัดราคาตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ" นายธวัชชัยกล่าว
นายธวัชชัย กล่าวว่า เบื้องต้นจะเริ่มโหมกิจกรรมช่วงเดือนก.ค.นี้ ส่วนเดือนส.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ จะเสนอคสช. เพื่อให้พิจารณาวันที่ 11 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 9-12 ส.ค. กระตุ้นให้คนไทยท่องเที่ยวมากขึ้น
รับพระบรมราชโองการ 'บิ๊กตู่'แจง เก้าอี้นายกอยู่ในขั้นตอน ฮึ่มเฟซบุ๊กสร้างขัดแย้ง นักวิชาการขอคืนพื้นที่ 'พท.'รายงานตัวอีกชุด ตร.เล็งยกชั้นกระทรวง ดันผ่าตัดใหญ่ดีเอสไอ
'ประยุทธ์'เข้าพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นหัวหน้า คสช. ย้ำบ้านเมืองมีปัญหา ต้องยุติให้ได้ ให้ประชาชนทำความเข้าใจกับการปฏิบัติการของทหาร ตร.ยุบสำนักงานตามโครงสร้างปฏิรูปเสนอตั้งเป็น'กระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ'
@ ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าคสช.
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ใจความดังนี้
"ด้วยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำความกราบบังคมทูลว่า เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือเหตุจลาจล ส่ง
ผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและอื่นๆ อันจะก่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย คณะทหารและตำรวจ ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 16.30 นาฬิกา เป็นต้นไป
"ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศชาติและความสมานฉันท์ของประชาชน จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
"ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน"
@ "บิ๊กตู่"เปิดใจหลังโปรดเกล้าฯ
ต่อมาเมื่อเวลา 11.15 น. ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน ได้มีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ท.บ. เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวว่า วันนี้นั้นได้เสร็จพิธีรับประกาศพระบรมราชโองการในการทรงแต่งตั้งให้ตนเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
"ทั้งนี้ ผมกราบพระบาทและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ได้ตั้งไว้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามการปฏิบัติตามประเพณีที่เคยปฏิบัติมาเช่นทุกครั้ง ในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งในยามปกติและไม่ปกติ จากนี้ไปถือว่าเป็นการบริหารราชการภายใต้พระบรมราชโองการและเป็นไปตามกฎหมาย"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การบริหารราชการของ คสช. ภาระสำคัญที่สุด คือการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศเตรียมข้อกฎหมายทุกเรื่อง และเตรียมการสู่อนาคตจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลและรับผิดชอบภาคปฏิรูปในทุกเรื่องที่เป็นปัญหาข้อขัดแย้งและกระบวนการทางนิติบัญญัติ เพื่อให้สามารถเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตได้ นำสู่เป็นประชาธิปไตยอย่างสันติวิธีและถาวร ปราศจากความขัดแย้ง ระหว่างนี้ การบังคับใช้กฎหมายทุกอย่างยังเข้มข้นเท่าเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมหากมีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้น มีการขัดขืนดื้อดึง
@ เข้าใจดีถึงกระบวนการปชต.
"บ้านเมืองเรามีปัญหา เราจะต้องยุติปัญหาให้ได้ พวกเรามิได้มุ่งหวังในการเข้าสู่อำนาจ เพื่อมีอำนาจ มีประโยชน์ แต่มันมีเหตุผลและความจำเป็นที่ได้กล่าวไปหลายครั้งแล้ว ขอความร่วมมือจากประชาชนที่รักทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ขอเวลาทำความเข้าใจกับสถานการณ์กับการปฏิบัติการของพวกเราเวลานี้ เราไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปขัดแย้งกับกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด เราเข้าใจดีถึงกระบวนการประชาธิปไตย ทั่วโลกทำอยู่ และเราก็เป็นอยู่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ในส่วนของความร่วมมือสื่อมวลชนตอนหนึ่งด้วยว่า สื่อต้องไม่ขยายความขัดแย้ง เฟซบุ๊กอย่าสร้างคอมเมนต์ขึ้นในสิ่งที่สร้างความขัดแย้ง ถ้าจำเป็นจะเรียกตัว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เริ่มมีการประท้วง อยากจะกลับไปสู่อันเก่าใช่หรือไม่ ถามประชาชนในชาติ ถ้าต้องการอย่างนั้นก็จะต้องใช้กฎหมาย การดำเนินการอะไรก็ตาม จะต้องนำขึ้นสู่ศาลทหาร เฉพาะการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะดำเนินการด้วยกฎหมายปกติก็คงไม่ได้ ไม่อยากให้สังคมโจมตีประณามเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อีกต่อไปว่าเราไม่ได้ทำอะไร ซึ่งเราก็ทำตามกระบวนการยุติธรรม
@ ยิ่งมีอำนาจต้องทำตัวให้เล็กลง
หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ถามถึงการบริหารงานในอนาคตจะต้องมีนายกรัฐมนตรี หรือว่าจะควบตำแหน่งเป็นนายกฯหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบว่า "ทำไม ทำไมต้องควบ ถามอย่างนี้ มันยังมาไม่ถึง"
เมื่อถามว่าหลายคนอยากรู้ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "มันอยู่ในแผนการอยู่แล้วนะ ใจเย็นๆ จะมี มันต้องมี อย่างไรมันต้องมี"
เมื่อถามย้ำว่าหมายถึงว่าอย่างไรต้องมีนายกฯชั่วคราวขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องมีนายกฯ
เมื่อถามว่าทำอย่างไรต้องมีคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "มีนายกฯ คนเดียว ไม่มีคณะรัฐมนตรีจะเป็นไปได้หรือไม่ ก็ต้องมีมั้ง ย้อนกลับไปดูเก่าๆ เขาทำอย่างไร ต้องมีแนวทางอยู่บ้างแล้ว บางอย่างก็มีอาจจะคล้ายคลึง บางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม การใช้อำนาจต้องระมัดระวัง การมีอำนาจมาก บอกไปแล้วว่ายิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะทำได้ทุกอย่าง ไม่เคยคิดอย่างนั้น"
@ ถูกถามจะเป็นนายกฯหรือไม่
เมื่อถามว่า การตั้ง ครม.หรือนายกฯ จะมีภายในเร็วๆ นี้หรือไม่ เพราะจะได้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานประเทศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "วันนี้ก็ขับมาหลายวันมาแล้ว ขับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดินโดยคณะ คสช. เมื่อถามว่า ท่านเป็นนายกฯเองเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "มันอยู่ในขั้นตอน ยังไม่รู้ ก็รอดู ใจเย็น อยากเป็นเองไหมล่ะ อยากเป็นไหม พอแล้ว ขอบคุณครับ"
เมื่อถามว่าจะใช้เวลาอีกเท่าไรถึงจะมีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จนกว่าเหตุการณ์จะยุติ
@ "เพื่อไทย"รายงานตัวคึกคัก
ที่หน้าหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก คสช.ออกประกาศฉบับที่ 14-16 เรียกบุคคลให้มารายงานตัวเพิ่มเติม รวมจำนวนทั้งสิ้น 38 คน ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ปรากฏว่า เมื่อเวลา 10.40 น. น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางเข้ารายงานตัว และในเวลาไล่เลี่ยกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษก พท. เดินเท้าเข้ามาโดยไม่มีผู้ติดตาม ทักทายสื่อมวลชนด้วยสีหน้าแจ่มใส พร้อมโชว์กระเป๋าสะพายก่อนกล่าวว่า "เตรียมของใช้ส่วนตัวมานิดหน่อย ตอนเย็นก็กลับแล้ว" ก่อนที่นายอนุสรณ์จะข้ามถนนเข้าไปยังหอประชุมกองทัพบกเพื่อรายงานตัว โดยทำท่าแสดงความเคารพแบบทหาร 3 ครั้ง
เวลา 11.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษก พท. พร้อมด้วย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พท. บุตรสาวของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุนนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 เดินทางมาด้วยรถตู้สีดำ จากนั้นนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้ารายงานตัวเช่นกัน
@ "ดำรงค์"บอกอย่าไปต้านคสช.
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย เดินทางมารายงานตัว
นายดำรงค์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการรายงานตัวว่า เนื้อหาการพูดคุยในรายงานตัวเกี่ยวกับเรื่องการปลูกป่า ย้ำว่าการเรียกมารายงานตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งการเรียกมารายงานตัวมีคนที่ถูกเรียกเหมือนกันทั้งสองฝ่าย มองดูแล้วก็เท่าเทียมกันดี เห็นว่าดีแล้วที่จะสามารถยุติความขัดแย้งทางการเมืองได้ อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมมือกันอย่าไปต่อต้านคณะ คสช.
@ ทหารนำตัว"น้องเดียร์"ขึ้นรถตู้
เวลา 15.25 น. ภายหลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายวิม รุ่งวัฒนจินดา และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ได้รายงานตัวเสร็จสิ้น ถูกเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวขึ้นรถตู้สีขาวของกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) มีทหารนั่งประกบเดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบก ใช้เส้นทางถนนนครราชสีมา มุ่งหน้าไปทางแยกการเรือน
เวลา 17.00 น. น.ส.ขัตติยาและ น.ส.จารุพรรณ ถูกนำตัวขึ้นรถตู้ออกจากหอประชุมกองทัพบก ทั้งนี้ตลอดช่วงบ่าย มีรถตู้ทยอยขับออกมาจากหอประชุมกองทัพบกหลายคัน บางคันติดฟิล์มสีดำ บางคันปิดผ้าม่าน ปิดทะเบียน ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าผู้โดยสารเป็นใครและมุ่งหน้าไปที่ใด
ขณะเดียวกัน มีรถตู้สีขาวนำตัวนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) ถูกนำตัวมาจาก จ.นครราชสีมา เดินทางมายังหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์
@ "อี้"เผย"มาร์ค"ให้กำลังใจ
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ก่อนเดินทางเข้ารายงานตัวต่อ คสช.ว่า ได้เตรียมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมที่จะถูกกักตัว หากมีการขอไม่ให้โพสต์ข้อความคัดค้านการรัฐประหารก็ยินดี เพราะไม่อยากเป็นตัวกลางสร้างความขัดแย้ง ทั้งนี้ในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. ได้โทรศัพท์มาให้กำลังใจ บอกว่าขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งหัวหน้าพรรคก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร เชื่อว่าปัญหาจะไม่จบจะบานปลายออกไปอีก แต่เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ต้องช่วยกันประคับประคองกันไป
@ เผยเหตุผลแสดงความคิดเห็น
นายแทนคุณ กล่าวว่า การที่ตนโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร เพราะเห็นว่าสิ่งที่กลุ่ม กปปส.ต้องการคืออยากเห็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การที่ทหารออกมาปกป้องชีวิตของประชาชนตามอำนาจในการประกาใช้กฎอัยการศึกเป็นเรื่องที่ดี แต่แนวทางการแก้ปัญหา ดำเนินการเป็น 3 ประสานได้คือ ทหาร ประชาชน และข้าราชการ รวมถึง ส.ว.ที่มีอยู่ เน้นการเจรจาหาทางออกภายใต้รัฐธรรมนูญ จะทำให้พบกับทางออกที่แท้จริง แต่เมื่อเดินมาสู่ทางออกเช่นนี้ เชื่อว่าปัญหาไม่มีทางจบ ที่สุดแล้วเมื่อมีการเลือกตั้งและพรรคเพื่อไทย (พท.) จะได้รับเลือกกลับมาอีก เขาจะอ้างว่ากฎหมายที่ออกโดย คสช.ไม่เป็นธรรม เปิดช่องให้เขาเรียกร้องกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการเซตซีโร่ใหม่ อาจทำให้คนที่เคยออกมาสู้กับระบอบทักษิณไม่ออกมาสู้อีก เพราะคิดว่าเมื่อทหารออกมาแล้ว แต่ปัญหายังวนกลับที่เดิม ออกมาก็คงไม่ได้อะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายแทนคุณได้เดินทางเข้ารายงานตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวในทันที ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่มารายงานตัวเมื่อช่วงเช้า ได้เดินทางกลับออกมา นอกจากนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เข้ามารายงานตัวเช่นกัน
@ จารุพงศ์โพสต์ยันห่วงปชช.
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" ขณะกำลังนั่งอยู่บนเรือ โดยสวมหมวกและแว่นตาสีดำ พร้อมข้อความว่า "เป็นห่วงพี่น้องคนไทยหัวใจเสรีกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 ทหารใช้ผ้าคลุมและอุ้มประชาชนมือเปล่า เป็นภาพซ้ำๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่การที่ประชาชนออกมาแสดงให้เห็นว่าประชาชนตาสว่างแล้ว หนทางสู่ชัยชนะของประชาชนเริ่มเห็นแสงสว่าง"
@ คสช.ปัดเปลี่ยนเวลาเคอร์ฟิว
เมื่อเวลา 15.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงข่าวการเปลี่ยนเวลาประกาศเคอร์ฟิว เป็นเวลา 24.00-04.00 น. และจะมีการยืดเวลาการประกาศออกไปอีกนั้น เป็นเพียงข่าวลือ ขอให้ยึดการประกาศเคอร์ฟิวที่เวลา 22.00-05.00 น. เหมือนเดิม ยกเว้นภาคธุรกิจบางประเภทที่มีการพูดคุยกันแล้ว ส่วนการดำเนินการกับบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียในการยุยงปลุกปั่น การดำเนินการเอาผิดไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะข่าวลือที่เป็นปัญหาหลัก มีการบิดเบือนประกาศคำสั่งของ คสช. ซึ่งมักใช้ช่องทางเหล่านี้ คสช.จะดำเนินการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
@ ฮึ่มใช้กม.จัดการกลุ่มต้าน
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า กรณีการเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐประหารนั้น ยืนยันว่าสภาพบ้านเมืองยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ ยังมีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงสูงสุด ฐานความผิดจะรุนแรง อยากเตือนประชาชนให้หยุดการดำเนินการดังกล่าว พบว่าการเคลื่อนไหวมี 2 แบบ กลุ่มแรก คสช.มีความเข้าใจว่าเป็นการแสดงออกต้องการประชาธิปไตย ส่วนกลุ่มที่สอง เคลื่อนไหวมีนัยยะแอบแฝง มีการปลุกปั่น ปลุกระดม ซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งสองแบบผิดกฎหมาย โดยจะใช้มาตรการเบาหรือหนักนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่
@ แจงปล่อยตัว"ยิ่งลักษณ์"แล้ว
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า คสช.ได้ปล่อยตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะต้องมีทหารควบคุมดูแลหรือไม่ นอกจากนี้การเรียกรายงานตัวเพิ่มเติมยังไม่มีตัวเลขแน่ชัด แต่ทุกคนที่เรียกมีความเกี่ยวพันกับความไม่สงบทั้งทางตรงและอ้อม โดยติดตามจากทัศนคติที่มีความเห็นนำไปสู่ความรุนแรง ด้านแกนนำ กปปส.ที่มีการปล่อยตัวแล้วไม่สามารถไปไหนได้เพราะมีรูปคดีเกี่ยวกับระบบยุติธรรมเดิม ทั้งนี้ การควบคุมตัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไม่สามารถเปิดเผยได้มาก ไม่อยากให้เป็นกระแสมาก ทั้งนี้การเรียกรายงานตัวจะมีอยู่ 3 กลุ่ม และกลุ่มที่ถูกควบคุมตัวก็เพื่อปรับความเข้าใจจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน
@ "เยาวภา"ถูกปล่อยตัวเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ ว่า ได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดครอบครัวตระกูลชินวัตรว่านางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ๊แดง อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พท. ที่ถูกคำสั่งของ คสช.ให้เข้ารายงานตัวที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในคำสั่งเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนั้น เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการปล่อยตัวแล้ว โดยคนในครอบครัวรายหนึ่งแจ้งว่า "ครอบครัวเราสบายดี ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์รูปภาพนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย ขณะนั่งเล่นคอมพิวเตอร์และอ่านหนังสือพิมพ์ พร้อมระบุข้อความว่า "ปลอดภัยคร้าบบบ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง" ในอินสตาแกรม ชื่อ ingshin21
@ "สุรชัย"จัดงาน-เสียดายถูกยุบ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ได้จัดเลี้ยงอำลาสมาชิกวุฒิสภาที่ห้องรับรอง 1-2 หลัง คสช.ออกคำสั่งฉบับที่ 30/2557 ที่ให้วุฒิสภาสิ้นสุดอำนาจลง มีอดีต ส.ว.เข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายสมชาย แสวงการ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา และ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม เป็นต้น
นายสุรชัย ได้กล่าวความในใจตอนหนึ่งกับสมาชิกว่า เสียดายที่ได้อยู่ร่วมทำงานกันน้อยเกินไป หากยังทำหน้าที่อยู่ต่อไป คงจะเป็นประโยชน์กับหลายภาคส่วน
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวด้วยว่าความเชื่อโดยส่วนตัว ตนไม่ชอบการรัฐประหารและการใช้อำนาจเผด็จการ แต่เห็นว่าการดำเนินการที่มีการแสดงพลังเป็นกลุ่มย่อยต่อต้านการรัฐประหาร อาจเป็นประเด็นทำให้เกิดความรุนแรง อาจตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองของฝ่ายผู้สูญเสียอำนาจ ส่วนตัวมองว่าการควบคุมตัวบุคคลต่างๆ เพื่อให้บุคคลนั้นได้ทบทวนตัวเองที่ผ่านมา หากได้อยู่สภาวะที่ทำให้จิตใจสงบก็จะคลายความเสียดายในการสูญเสียอำนาจลงได้
พล.อ.อ.วีรวิท กล่าวว่า หลังเดือนกันยายนนี้ สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ จะมีการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2558 ออกมา จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการลงทุน และการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ กลับมาเดินหน้าไปได้
@ "นิคม"เผยการตั้งสภานิติบัญญัติ
นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวว่า จากนี้ไป คสช.คงจะตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป มองว่าสมาชิก สนช.น่าจะประกอบตัวแทนจากทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อให้มีความสมดุล เป็นกลาง ใช้อำนาจหน้าที่เป็นธรรม หากจะมีกลุ่ม 40 ส.ว. ไปร่วมเป็น สนช.ด้วย ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ โอกาสของพวกเขาดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ไม่น่าจะได้เข้าร่วมเยอะหวังว่าปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขจนแล้วเสร็จโดยเร็ว ผลประโยชน์ที่ได้ ต้องตกอยู่กับคนไทยทุกคน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
@ ปลัดยุติธรรมเรียกประชุมใหญ่
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเรียกประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ว่า ที่ประชุมมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เพื่อเสนอเป็นนโยบายเร่งด่วนให้คสช.พิจารณา สาระสำคัญการประชุมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจและปรับการทำงานให้เข้ากับระบบใหม่ภายใต้การบริหารของ คสช.
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมได้สรุป 3 เรื่องเร่งด่วน เพื่อเสนอ คสช.รับทราบ 1.การให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสหรือยากจนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยปัญหาและข้อพิพาทในชุมชน เช่น ในรูปแบบของยุติธรรมชุมชน รวมถึงการตั้งกองทุนยุติธรรมเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 2.การเสนอปรับการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้มีความโปร่งใส ไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง
@ เสนอปรับการแต่งตั้งอธิบดีดีเอสไอ
นายกิตติพงษ์กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะตำแหน่งของอธิบดีดีเอสไอต้องสร้างหลักประกันการทำงาน เริ่มจากระบบการได้มาของตำแหน่งอธิบดี ควรปรับคล้ายกับการคัดเลือกของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมแต่งตั้งด้วย ไม่ใช่มีแต่นักการเมือง เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความต้องการของประชาชน ยืนยันว่าจะปรับปรุงให้ไม่น้อยกว่ามาตรฐานของ ก.ต.ช. และขอปฏิเสธว่า การปรับปรุงการทำงานครั้งนี้ไม่ใช่ให้ดีเอสไอเป็นซุปเปอร์กรม เพราะกรณีดังกล่าวเป็นประโยชน์เฉพาะหน่วยงานไม่ใช่ประชาชน
นายกิตติพงษ์ กล่าวด้วยว่า จะเสนอ คสช. เรื่องการพัฒนาระบบปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง หัวหน้า คสช.จะให้ความสำคัญกับการปฏิรูป เห็นว่า คสช.จะให้ความสำคัญกับการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการปฏิรูป และส่วนตัว ยังยืนยันว่าไม่ได้รับการทาบทามให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ส่วนการดำรงปลัดกระทรวงยุติธรรมของตน โดยในช่วง 60 วัน ตามกรอบของกฎหมายระหว่างการโยกย้ายตำแหน่งนั้น จะยังคงทำหน้าที่เพื่อวางแนวทางการทำงานและจัดระบบที่เหมาะสมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมประชุมเกือบครบ ขาดเพียงผู้ที่ติดราชการอื่นๆ อาทิ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี และ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ โดยในส่วนของดีเอสไอ ส่งนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอมาประชุมแทน
@ "ชัชวาลย์"จัดประชุมดีเอสไอ
ที่ดีเอสไอ อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการอธิบดีดีเอสไอ ได้เรียกประชุมผู้บริหารดีเอสไอ โดยมีรองอธิบดีดีเอสไอ ผู้บัญชาการสำนักคดี และผู้อำนวยการศูนย์ประจำภาคต่างๆ เข้าร่วม ประชุม พล.ต.อ.ชัชวาลย์ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า การเรียกประชุมวันนี้ยังไม่เป็นทางการ ยังไม่ขอให้สัมภาษณ์
@ "วัชรพล"แบ่งงาน-มอบนโยบาย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. ได้ประชุมแบ่งงานและมอบนโยบายกับผู้ช่วย ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม โดย พล.ต.อ.วัชรพล เน้นในที่ประชุมว่า การแบ่งงานเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยโอนงานที่ตนเองรับผิดชอบ แนวนโยบายพัฒนาด้านต่างๆ ให้เป็นไปตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ปฏิบัติหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี วางไว้ และให้ขับเคลื่อนระบบศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พัฒนาศูนย์ฝึกอบรมบุคลากร พัฒนาหน่วยที่ตั้ง อาคารสถานที่ โดยเรื่องของ ศปก.ตร.ถือเป็นกลไกในการทำงานที่ไม่เพียงแต่คนไทยที่ชื่นชม ต่างชาติก็ชื่นชม ให้ยึดถือปฏิบัติประชุมขับเคลื่อนต่อไป เพราะเราได้ผลักดันเรื่องนี้มานานกว่าที่เจ้าหน้าที่จะเข้าใจระบบ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวในที่ประชุมด้วยว่า ให้ตำรวจทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรม เข้าใจว่าหลายคนอ่อนไหว ความไม่พอใจห้ามไม่ได้ แต่ให้หลายคนตระหนักให้ดีว่า งานตำรวจ งานมั่นคงแยกจากกันไม่ได้ ในภาวะบ้านเมืองแบบนี้ เรามุ่งมั่นทำหน้าที่ เพราะกระทบต่อปากท้อง เศรษฐกิจ การขับเคลื่อนสู่ประชาคมอาเซียน เราต้องมุ่งมั่น สามัคคี การเมืองเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ให้ผ่านวิกฤตบ้านเมืองไปได้ ตำรวจต้องไปทำหน้าที่ของตำรวจ ขอความร่วมมือทำงาน ไม่หวั่นไหว และให้ทำความเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชา ย้ำให้ทำหน้าที่ไม่มีนโยบายอะไรใหม่ ทำอย่างไรให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ อะไรก็ได้ที่ทำให้ตำรวจมีคุณธรรมมากขึ้น อะไรที่จะทำให้ตำรวจมีศักดิ์ศรี บางอย่างตามนโยบายก็ต้องปรับเปลี่ยน ถามว่าที่ปรับเปลี่ยนใช้หลักอะไร บางทีก็มีปัจจัยหลายอย่างในภาวะแบบนี้ ก็ให้ไปทำหน้าที่ กระแสสังคมจะตอบกลับเอง
@ ยุบตร.-สัปดาห์หน้าอวดโฉมใหม่
พล.ต.อ.วัชรพลยังพูดถึงการปฏิรูปตำรวจ เน้นการกระจายอำนาจ ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะการใช้กฎหมายพิเศษขณะนี้น่าจะต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ ต่อไปคงมีการใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ตั้งสภาปฏิรูป ตอนนี้ ตร.กำลังทำร่างปฏิรูปใกล้เสร็จแล้วเชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถหารือระดับผู้บริหาร ตร.ได้ โดยจะยุบ ตร. จัดตั้งเป็น "กระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)" เป็นการกระจายอำนาจให้ชุมชน มีปลัดกระทรวง รองปลัดประทรวง รวมจำนวน 17 กรม มีอธิบดีภาค จะแก้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ว่าจะแก้มาตราไหนบ้าง รวมทั้งแก้ ป.วิอาญา มาตรา 145 พ.ร.บ.อาวุธปืน จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ เช่นเดียวกับ กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ เป็นต้น
"รวมถึงการแก้ไขตำรวจมียศ ไม่มียศ ทำให้ไม่ต้องวิ่งไปไหน ยกเลิกคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อย่างเดียว ล้อกับระบบมาจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ก.พ. โรงพักต้องมี 2 ชั้น ทำงานดีก็อยู่ชั้น 1 ทำงานไม่ดีอยู่ชั้น 2 การเติบโตก็จะยาก ต่อไปเราจะไม่ใช่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรม ต้องผลักดันให้ได้ภายใน 4 เดือนนี้" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
@ บอกตำรวจด้วยกันอย่าสนข่าวลือ
เมื่อเวลา 11.45 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคอนเฟอเรนซ์ไปยังกองบัญชาการ (บช.) ทั่วประเทศ โดย พล.ต.ท.วัชรพลสั่งการให้ทุกหน่วยเคร่งครัดการดูแลพื้นที่ให้เกิดความสงบเรียบร้อย การชุมนุมต่างๆ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและคำสั่ง
พล.ต.ต.อนุชา กล่าวต่อว่า รรท.ผบ.ตร.ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความจำเป็นในการบริหาร โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล ยืนยันว่าผู้บริหารของ ตร. จะร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของทุก บช. มีนโยบายในเรื่องของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กรให้สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้หน่วยงานรับผิดชอบเต็มที่ ไม่ต้องสนใจข่าวลือต่างๆ เรื่องการปรับย้าย เพราะยังไม่มีนโยบายในขณะนี้ หากมีการปรับเปลี่ยนก็เพราะพื้นที่นั้นไม่มีการเอาใจใส่ถึงข้อสั่งการต่างๆ ถ้ามีการเสนอแนะการปรับเปลี่ยนอย่างไร
ผู้บังคับบัญชาจะพูดคุยกันอย่างยุติธรรมรองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า รรท.ผบ.ตร.ยังกำชับคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับล่วงละเมิดต่อสถาบันที่เป็นคดีแล้วให้ดำเนินการตามขั้นกฎหมายอย่างเข้มงวด หากออกหมายจับให้เร่งรัดจับกุม และหากยังไม่มีการออกหมายจับให้ดำเนินการโดยเร็วแต่เน้นความเป็นธรรม ส่วนกรณี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ปฏิบัติหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี ได้วางแนวทางไว้ขอให้ทุกหน่วยดำเนินการต่อ และ พล.ต.อ.วัชรพลจะมีการติดตามการทำงานทุกวัน ผ่านระบบการประชุม ขอให้ผู้ดูแลพื้นที่ พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ หากมีเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็ตาม ผู้ดูแลพื้นที่จะต้องให้ข้อมูลได้ทันที
รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า กรณีที่มีกระแสการปฏิรูปตำรวจ ขณะนี้เป็นเรื่องสำคัญทั้งในระดับของประเทศในการปฏิรูป โดย ตร.จะนำข้อเรียกร้องของสังคมในการปฏิรูปต่างๆ ที่เป็นข่าวไปแล้ว เน้นการกระจายอำนาจ ตร.จะไม่เป็นศูนย์กลางเพียงที่เดียว ทั้งนี้การปฏิรูปดังกล่าวจะเร่งภายใน 4 เดือนเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม
@ "จักรทิพย์"ถก 3 นโยบายบช.น.
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) เรียกประชุม รอง ผบช.น. ผู้บังคับการ (ผบก.) และผู้กำกับการ (ผกก.) ในสังกัด บก.อก. หลังรับคำสั่งจาก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.ให้มาปฏิบัติหน้าที่แทน โดยพูดเรื่องนโยบาย 3 เรื่องคือ การแบ่งหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทหาร และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ไม่มีอะไรมาก แต่ปรับนิดหน่อยเพราะเดิมที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง แบ่งหน้าที่ถือว่าดีอยู่แล้ว แต่ปรับเรื่องงานความมั่นคงให้เข้าสถานการณ์มากขึ้น อีกส่วนคือเรื่องทำงานกับทหาร เป็นการทำงานระหว่างทหารกับตำรวจ ผกก.โรงพักกับผู้การกรม ผบก.น.1-9 กับ ผบ.พล. ส่วนตนก็ทำคู่ขนานกับแม่ทัพภาคที่ 1
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงเคอร์ฟิวตำรวจจะตรวจร่วมอย่างไร เพราะยังมีประชาชนบางส่วนที่ออกมาขัดคำสั่ง คสช. พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า ต้องหารือในส่วนของอัตราโทษว่าฝ่าฝืนเคอร์ฟิวจะมีบทลงโทษอย่างไร
ถามว่าหนักใจหรือไม่ที่มาเป็น รรท.ผบช.น.ช่วงที่มีการแบ่งฝ่ายและแตกแยก พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่มี อยู่ตรงนี้มานานตั้งแต่เป็น ผบก.สปพ. (191) มาเป็น ผบช.น. และกลับมาที่นี่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนการจัดทัพใหม่คงไม่มี เพราะมาอยู่ระยะสั้นๆ 3-4 เดือน
ส่วนกระแสข่าวจะให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ.อดีต รอง ผบช.น.มาช่วยราชการที่ บช.น. พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า เป็นแนวคิด เพราะ พล.ต.ต.อำนวยมีความรู้เรื่องการสอบสวนอย่างดี มีลูกศิษย์เยอะ แต่ไม่รู้ว่าจะขอไปแล้วได้หรือไม่
@ ทหารเข้าค้นรังเสื้อแดงสุรินทร์
ที่ จ.สุรินทร์ พล.ต.นิรุทธ เกตุสิริ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก (ผบ.จทบ.) สุรินทร์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และ พ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ เสนาธิการกองกำลังสุรนารี นำกำลังทหาร ตำรวจ เข้าตรวจค้นห้องพักหมายเลข 507 แกรนด์อพาร์ตเมนต์ ซอยสระโบราณ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นห้องพักของนางพรทิพย์ ปราชญ์นาม แกนนำ นปช.สุรินทร์ และเป็น 1 ใน 23 คนร้ายเตรียมก่อเหตุและถูกจับกุมได้ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่ จ.ขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม
จากการตรวจค้นภายในห้อง พบเอกสารหลักฐานหมิ่นสถาบัน และโครงสร้าง นปช.จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อตรวจสอบและรายงานให้กองทัพทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ที่ จ.นครพนม พ.ต.ณัฐ เหมือนบุดดี ฝอ.2 จทบ.นพ.พร้อมเจ้าหน้าที่ สห. และตำรวจ สภ.เมืองนครพนม เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 109/47 ถนนราชทัณฑ์ เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อเชิญตัวนายดำรงศักดิ์ พุทธา อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านน้อยใต้ อ.เมืองนครพนม พร้อมพวกประมาณ 20 คน ให้ไปพบที่ บก.จทบ.นครพนม เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจคำสั่งของ คสช.ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งนายดำรงศักดิ์รับว่าจะไม่เคลื่อนไหวอีก