- Details
- Category: เกษตร
- Published: Saturday, 13 February 2021 20:07
- Hits: 18799
กัญชง พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคตของไทย ตั้งเป้าสู่ฮับกัญชงของอาเซียน
โดย อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระแสกัญชงมาแรงหลังจากรัฐบาลปลดล็อคเปิดโอกาสให้สามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะ ‘กัญชง’(Hemp)เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
ผมเคยเขียนเรื่องกัญชงครั้งแรกเมื่อเดือนก.ย.2562และเสนอให้รัฐบาลปลดล็อคกัญชงเพราะกัญชงสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทยสามารถแปรรูปใช้ประโยชน์ได้ไม่น้อยกว่า 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารและยาจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และไฮเทค
ประการสำคัญ คือ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงซึ่งเป็นองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการวิจัยและพัฒนากัญชงมากว่า 10 ปีจนสามารถพัฒนาพันธุ์กัญชงผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นรายแรกและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทเรียกว่ามีองค์ความรู้และฐานข้อมูลดีที่สุดในบ้านเรา
กัญชง ถือว่าเป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อยอดทางธุรกิจได้มากมาย และกําลังเป็นสินค้าที่นิยมของผู้บริโภคกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งต้น ใบ เมล็ด เปลือก สามารถแปรรูปนำไปทำผลิตภัณฑ์ได้มากมายหลากหลายอย่าง ตั้งแต่อุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่นําเส้นใยมาทําเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อีกทั้ง ทำเสื้อเกราะกันกระสุนชั้นดีที่มีน้ำหนักเบา และสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทำเยื่อกระดาษ(โดยเฉพาะกระดาษพิมพ์ธนบัตร) วัสดุหีบห่อ ฉนวนกันความร้อน ไบโอพลาสติก ทำอิฐ (Hempcrete) หรือคอนกรีต สำหรับงานก่อสร้าง ทำส่วนประกอบรถยนต์ ทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น พรม เก้าอี้ เป็นต้น
นอกจากนั้นน้ำมันและสารสกัดจากเมล็ดกัญชง ยังใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหาร ความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งโปรตีน วิตามินอี และโอเมก้าสูงมาก โดยนำไปทำเป็นอาหาร เช่น เส้นพาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบียร์ ไวน์ ซอส น้ำมันพืช เนยเทียม ชีส นม ไอศกรีม น้ำมันสลัด อาหารเสริม เต้าหู้ โปรตีนเกษตร หรือผลิตเป็นแป้งทดแทนถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยรักษาไมเกรน โรคเกาต์ โรคบิด โรคลมชัก อีกทั้งนำไปทำน้ำมันซักแห้ง ทำสบู่ แชมพู โลชั่น เครื่องสำอาง ครีมกันแดด ครีมบำรุงผิว รักษาโรคผิวแห้งคันและสะเก็ดเงินได้เป็นอย่างดี
แม้แต่ในอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
แกนของต้นกัญชงมีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น น้ำ หรือน้ำมัน ที่ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อช่วยดูดซับกัมมันตภาพรังสีอีกด้วยจากสรรพคุณที่กล่าวมาทั้งหมดถือได้ว่า กัญชงเป็นพืชมหัศจรรย์โดยแท้จริง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเส้นใยกัญชงและอุตสาหกรรมอาหารจากกัญชงเจริญเติบโตรวดเร็วมาก มีการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศอังกฤษนั้นเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมนี้ ในทวีปยุโรป เช่น ออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา สวีเดน นิวซีแลนด์ มีองค์กรระดับชาติที่ส่งเสริมการปลูกกัญชงทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่มียอดขายผลิตภัณฑ์จากกัญชงหลายล้านดอลลาร์ต่อปี
ในทวีปเอเชียสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการผลิตกัญชงมากที่สุด และส่งออกกัญชงไปสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับ1 สร้างรายได้มหาศาลให้เกษตรกรชาวจีน
อีกทั้งจีนยังได้จดสิทธิบัตรไว้จำนวนมาก ซึ่งกัญชงยังถูกจัดเป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศจีน
กัญชงหรือเฮมพ์ต่างจากกัญชา
‘กัญชง’ หรือที่ฝรั่งเรียกว่าเฮมพ์ (Hemp)เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับ ‘กัญชา’(Marijuana) มีสารCBD(Cannabioil)จำนวนมากและมีสารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท หรือสารเสพติด (Tetrahydrocannabinol:THC)น้อยมาก ในช่อดอกกัญชามีค่า THC ประมาณ 1-10 เปอร์เซ็นต์ แต่ในกัญชงมีค่า THC ประมาณ 0.3 เปอร์เซ็นต์
ถึงกระนั้นในประเทศไทย กัญชงก็ยังถูกจัดเป็นพืชสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จึงปลูกอยู่ในวงจำกัดเฉพาะในพื้นที่ควบคุมเท่านั้นตามกฎกระทรวงสาธารณสุขปี2559
กัญชง เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเพียงปีเดียว ที่สำคัญปลูกเพียง 3-4 เดือน ก็สามารถใช้การได้ ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย ไม่ต้องพรวนดินใส่ปุ๋ยหรือกำจัดวัชพืช กัญชงคุณภาพดีควรปลูกในพื้นที่อากาศ หนาวเย็นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 600 เมตร ดังนั้นจึงส่งเสริมให้ปลูกแต่ในภาคเหนือเท่านั้น ประเทศไทย โชคดีที่มีสภาพภูมิอากาศและพื้นที่เหมาะสมกับพืช กัญชง จึงสามารถปลูกได้ 2-3 ครั้งต่อปี และด้วยการพัฒนาสายพันธุ์กัญชงใหม่ๆจะสามารถปลูกได้เกือบทุกภาคทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ขณะนี้ มีพื้นที่ที่ได้รับการอนุญาตปลุกแบบควบคุมเพียง 5 จังหวัดเท่านั้น ต่อไปจะต้องปลดล็อคกัญชงให้เกษตรกรและ เอกชนปลูกโดยขออนุญาตได้ทั่วประเทศและต้องกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชงเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกโดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นฮับกัญชงของอาเซียน
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ