- Details
- Category: เกษตร
- Published: Sunday, 16 August 2020 19:40
- Hits: 7241
กระทรวงเกษตรฯ สนองพระราชดำริ ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ราษฎร ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ในพื้นที่ถึง 1.9 ล้านไร่ พร้อมมอบหมายกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ว่า ลุ่มน้ำปากพนัง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพื้นที่รวม 13 อำเภอ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งพื้นที่บางส่วนของจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา รวมพื้นที่ประมาณ 1.9 ล้านไร่ เป็นพื้นที่นากว่า 500,000 ไร่ มีประชากรประมาณ 600,000 คน แต่จากการที่มีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้น้ำปริมาณมากขึ้นด้วย การพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังตามแนวพระราชดำริจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ให้กลับคืนมา
ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทานได้สนองพระราชดำริโดยดำเนินการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังด้วยการศึกษาความเหมาะสมและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งได้ออกแบบแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2537 และรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านความเห็นชอบของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้เปิดโครงการ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2538 โดยดำเนินโครงการ คือ 1) งานก่อสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์(ปากพนัง) และอาคารประกอบ 2) งานก่อสร้างระบบระบายน้ำ ทำหน้าที่ระบายน้ำและป้องกันน้ำเค็ม โดยก่อสร้างคลองระบายน้ำเพิ่มเติม พร้อมประตูระบายน้ำ 3 แห่ง และขุดลอกคลองเดิม พร้อมประตูระบายน้ำ 1 แห่ง รวม 4 แห่ง 3) งานก่อสร้างระบบส่งน้ำ พื้นที่ชลประทาน 521,500 ไร่ และ 4) งานก่อสร้างคันแบ่งเขตน้ำจืดน้ำเค็ม เพื่อแบ่งพื้นที่ใช้ประโยชน์จากการพัฒนาให้ชัดเจน และอาคารบังคับน้ำตามแนวคันกั้นน้ำ จำนวน 22 แห่ง
สำหรับ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สามารถสร้างประโยชน์แก่ราษฎรในหลายด้าน คือ 1) สามารถป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มเข้าไปทำลายพื้นที่การเกษตร 2) เก็บกักน้ำจืดไว้ในลำน้ำปากพนังและลำน้ำสาขาได้ประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเพาะปลูกบริเวณสองฝั่งลำน้ำ ประมาณ 521,500 ไร่ในฤดูฝน และประมาณ 240,700 ไร่ในฤดูแล้ง 3) คลองระบายน้ำช่วยบรรเทาอุทกภัย เนื่องจากสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น 4) ขจัดปัญหาขัดแย้งระหว่างเกษตรนากุ้งและเกษตรกรนาข้าว เนื่องจากมีการแบ่งเขตของการใช้พื้นที่อย่างชัดเจน 5) ลดปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐานไปทำกินในถิ่นอื่น 6) แม่น้ำปากพนังและลำน้ำสาขา เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์น้ำจืดได้เป็นอย่างดี 7) เพิ่มพูนผลผลิตการเกษตรหลากหลายและครบวงจร ทั้งทางด้านการเพาะปลูก การประมง ปศุสัตว์ ฯลฯ ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรม 8) ยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของราษฎร 9) ฟื้นฟูสภาพนิเวศวิทยาให้กลับคืนสู่ความสมดุล และ 10) ลดปัญหาการน้ำเปรี้ยวและดินเปรี้ยว
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีการพูดคุยถึงโครงการต่าง ๆ และเร่งรัดให้ดำเนินการ ซึ่งจะต้องมีการควบคุมและรักษาสมดุลในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ทั้งในส่วนของการระบายน้ำ การป้องกันน้ำเค็ม และการขุดลอกตะกอนในแม่น้ำปากพนัง เป็นต้น เพื่อรองรับปริมาณน้ำในช่วงที่มีน้ำหลาก ลดปัญหาน้ำท่วมขังในเขตเทศบาล อ.ปากพนัง และช่วยกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง เพื่อการอุปโภค-บริโภค ด้านการเกษตร และด้านประมง โดยจะต้องมีการศึกษาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน และจะต้องเข้าไปสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ พร้อมจะรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน และผลักดันงบประมาณที่จะเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไป
กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยจังหวัดนครศรีธรรมราชฯ หวังช่วยลดพื้นที่น้ำท่วม ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตำบล สามารถกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในฤดูแล้งได้ถึง 5.5 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ถึง 17,400 ไร่
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการบรรเทาอุทกภัยจังหวัดนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาหลวงและอ่าวไทย โดยชุมชนเมืองที่มีราษฎรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และมีลักษณะพื้นที่ทอดยาวขวางทิศทางการไหลของน้ำ เมื่อเกิดฝนตกหนักบริเวณเทือกเขานครศรีธรรมราชจะทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยซ้ำซากเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะปี พ.ศ. 2554 มีปริมาณน้ำจากคลองท่าดี 750 ลบ.ม./วินาที ไหลออกสู่ทะเลที่คลองท่าชักและคลองปากนคร ซึ่งสามารถระบายน้ำได้รวมเพียง 268 ลบ.ม./วินาที ทำให้พื้นที่เขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราชและบริเวณใกล้เคียงเกิดอุทกภัย สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าถึง 2,300 ล้านบาท และพื้นที่การเกษตรเสียหาย 580,000 ไร่ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานจึงได้ดำเนินการศึกษาและออกแบบรายละเอียดโดยการสร้างคลองระบายน้ำอ้อมตัวเมืองนครศรีธรรมราชลงสู่ทะเลอ่าวไทย ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 750 ลูกบาศก์เมตร/วินาที (รอบปีการเกิดซ้ำ 25 ปี)
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า มติคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 มีแผนการดำเนินงาน 6 ปี (พ.ศ.2561 - 2566) วงเงินงบประมาณ 9,580 ล้านบาท โดยมีแนวทางในการดำเนินงาน คือ 1) ขุดคลองระบายน้ำ จำนวน 3 สาย ความยาวประมาณ 18.64 กม. 2) ขุดเพิ่มประสิทธิภาพคลองวังวัว ความยาวประมาณ 5.90 กม. 3) ขุดเพิ่มประสิทธิภาพคลองท่าเรือ-หัวตรุดความยาวประมาณ 11.90 กม. และ 4) ก่อสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำ จำนวน 7 แห่ง หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในเขตเมืองนครศรีธรรมราชและลดพื้นที่น้ำท่วมได้ ประมาณร้อยละ 90 ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตำบล ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชและพื้นที่ใกล้เคียง มีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ 32,253 ครัวเรือน 126,012 คน อีกทั้งยังสามารถกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในฤดูแล้งได้ถึง 5.5 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ถึง 17,400 ไร่
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานยังได้มีแผนอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม โดยได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก จึงกำหนดให้มีแผนอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 16 แผนงาน มีระยะเวลาดำเนินงาน 10 ปี เพื่อช่วยบรรเทาและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการโครงการฯ อาทิ แผนส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร แผนช่วยเหลือและพัฒนาการประมง และแผนการปลูกป่าชายเลน (1,600 ไร่) เป็นต้น
"ได้กำชับกรมชลประทานต้องทำงานร่วมกันกับผู้นำท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด และจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดยจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดในการดำเนินโครงการต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานราชการมีหน้าที่ต้องเข้าหาพี่น้องประชาชน เข้าไปรับฟังปัญหาอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้มากยิ่งขึ้น" นายเฉลิมชัย กล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ